svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเงิน-การลงทุน

"คนออมยิ้ม-คนกู้อ่วม" แบงก์ตบเท้าขึ้นดอกเบี้ยตาม กนง.

แบงก์พาณิชย์เด้งรับลูกกนง. พาเหรดปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินฝาก-เงินกู้ แบงก์ไหนขึ้นอัตราเท่าไหร่ ตามไปดูกันเลย

เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์ หลังการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) เมื่อวันที่ 27 ก.ย.ที่ผ่านมา ไฟเขียวปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% จาก 2.25% เป็น 2.50% ซึ่งเป็นระดับสูงสุดในรอบ 10 ปี  โดยประเมินเศรษฐกิจไทยในปีนี้แม้จะเติบโต 2.8% จากเดิมคาด 3.6% แต่ยังมีแนวโน้มขยายตัวสูงขึ้นในปีหน้าเป็น 4.4% จากเดิมคาด 3.8% ด้วยแรงหนุนจากการบริโภคที่ขยายตัวแข็งแกร่ง  

ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปมีแนวโน้มอยู่ในกรอบเป้าหมาย โดยคาดว่าจะอยู่ที่ 1.6% (เดิม 2.5%) ในปี 2566 และ 2.6% (เดิม 2.4%)  ในปี 2567 ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานจะเร่งขึ้นจากปีนี้ที่ 1.4% (เดิม 2.0%) สู่ระดับคาดการณ์เดิมที่ 2.0% แต่ต้องติดตามความเสี่ยงด้านสูงในปีหน้า จากแรงกดดันด้านอุปสงค์ที่อาจเพิ่มขึ้นจากนโยบายภาครัฐ และต้นทุนราคาอาหารที่ปรับสูงขึ้นจากผลกระทบเอลนีโญ

ขณะที่นายเศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ ผู้ว่าธนาคารแห่งประเทศ ไทย (ธปท.) ออกมาสำทับว่า อัตราดอกเบี้ยนโยบายในปัจจุบัน ถึงระดับ Neutral rate แล้ว ซึ่งเป็นระดับที่สนับสนุนการขยายตัวทางเศรษฐกิจให้อยู่ในระดับศักยภาพ และอัตราเงินเฟ้ออยู่ในกรอบเป้าหมายได้อย่างยั่งยืน

สอดคล้องกับถ้อยแถลงในรายการงานประชุมที่ระบุว่า  การทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในช่วงที่ผ่ามมาจนถึงการประชุมครั้งนี้ ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยในปัจจุบันอยู่ในระดับที่เหมาะสมกับการขยายตัวของเศรษฐกิจอย่างมีเสถียรภาพในระยะยาว ถือเป็นการส่งสัญญาณว่าอาจจบวงจรดอกเบี้ยขาขึ้นในรอบนี้ไว้เพียงเท่านี้  

อย่างไรก็ตาม แม้ว่าธปท.จะมีมุมมองต่อแนวโน้มเศรษฐกิจค่อนข้างดี แต่วิจัยกรุงศรีคาดว่า การฟื้นตัวของเศรษฐกิจยังมีความไม่ทั่วถึงในแต่ละภาคส่วนและยังมีความไม่แน่นอน ทั้งจากการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกและการดำเนินนโยบายทางการคลังเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ  

ขณะที่ความเสี่ยงด้านเงินเฟ้อจากการดำเนินนโยบายของภาครัฐและการส่งผ่านต้นทุนอาจมีผลจำกัด เนื่องจากปัจจัยการผลิตต่างๆ ยังใช้งานไม่เต็มศักยภาพ วิจัยกรุงศรีคาดว่ากนง.จะคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ 2.50% ในปีหน้า ซึ่งสูงกว่าค่าเฉลี่ยก่อนเกิดโรคระบาดที่ 1.50% และใกล้เคียงกับตัวเลขคาดการณ์เงินเฟ้อของธปท.ที่ 2.6% เพื่อรักษาเสถียรภาพทางการเงินและช่วยสนับสนุนการเติบโตทางเศรษฐกิจ

ทันทีที่กนง.ขึ้นดอกเบี้ย ธนาคารกรุงเทพนำร่องประกาศขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้และเงินฝาก มีผลตั้งแต่วันที่ 29 ก.ย.ที่ผ่านมา  โดยอัตราดอกเบี้ยเงินฝากปรับขึ้น 0.10-0.25% สำหรับบุคคลธรรมดา อัตราดอกเบี้ยเงินฝากสะสมทรัพย์สูงสุด 0.55% ต่อปี เงินฝากประจำ 3 เดือน เป็น 1.20% ต่อปี

เงินฝากประจำ 6 เดือน เป็น 1.25% ต่อปี เงินฝากประจำ 12 เดือน เป็น 1.60% ต่อปี เงินฝากประจำ 24 เดือน เป็น 2.00% ต่อปี และเงินฝากประจำ 36 เดือน เป็น 2.10% ต่อปี เงินฝากสะสมทรัพย์ e-Saving วงเงินฝากไม่เกิน 1 ล้านบาท เป็น 1.50% ต่อปี และวงเงินฝากส่วนที่เกิน 1 ล้านบาท เป็น 0.65% ต่อปี  

ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อปรับขึ้น 0.25% โดยอัตราดอกเบี้ยเอ็มแอลอาร์ (MLR) หรืออัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (Minimum Loan Rate) เป็น 7.10% ต่อปี เอ็มโออาร์ (MOR) หรืออัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (Minimum Overdraft Rate) เป็น 7.55% ต่อปี และเอ็มอาร์อาร์ (MRR) หรืออัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (Minimum Retail Rate) เป็น 7.30% ต่อปี  

 

ตามติดด้วยแบงก์ไทยพาณิชย์ ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ดิจิทัลและเงินฝากประเภทไม่มีสมุด รวมถึงเงินฝากประจำ โดยปรับเพิ่มขึ้น 0.10%-0.30% ต่อปี  และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ยืม 0.25% เพื่อสะท้อนต้นทุนทางการเงินในระบบที่สูงขึ้น  โดยปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ MRR เป็น 7.30% ต่อปี อัตราดอกเบี้ย MLR เป็น 7.05% ต่อปี และอัตราดอกเบี้ย MOR เป็น 7.575% ต่อปี โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 3 ต.ค. เป็นต้นไป

"คนออมยิ้ม-คนกู้อ่วม" แบงก์ตบเท้าขึ้นดอกเบี้ยตาม กนง.

ขณะที่แบงก์รวงข้าว ธนาคารกสิกรไทย ขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์อิเล็กทรอนิกส์ เงินฝากออมทรัพย์นิติบุคคล รวมถึงเงินฝากประจำ 0.25- 0.40% เพื่อส่งเสริมการออม รวมถึงเพิ่มรายได้และกำลังซื้อให้กับลูกค้าของธนาคาร ในช่วงที่อัตราดอกเบี้ยปรับเพิ่มขึ้น

อีกด้านหนึ่ง กสิกรไทยได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อ 0.25% เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางดอกเบี้ยนโยบาย และส่งเสริมเศรษฐกิจให้เข้าสู่ภาวะสมดุล โดยอัตราดอก MLR เพิ่มเป็น 7.27%อัตราดอกเบี้ย MOR เพิ่มเป็น 7.59%และอัตราดอกเบี้ย MRR เพิ่มเป็น 7.30% โดยมีผลวันที่ 4 ต.ค. เป็นต้นไป

ฝั่งทหารไทยธนชาต หรือ ทีทีบี ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากและเงินกู้เช่นกัน เพื่อให้สอดคล้องกับทิศทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัว แต่ยังย้ำว่าธนาคารให้ความสำคัญกับการสนับสนุนการออมเงิน ด้วยบัญชีเงินฝากดอกเบี้ยสูงที่หลากหลาย ครอบคลุมตอบโจทย์ทุกกลุ่มลูกค้า ทหารไทยธนชาต ขึ้นดอกเบี้ยเงินฝาก  0.15-0.90% ต่อปี โดยเงินฝากประจำระยะสั้นสูงถึง 2.25% และระยะยาวสูงสุด 5% มีผลตั้งแต่วันที่ 3 ต.ค.

ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท มีการปรับอัตราดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น 0.25% โดยอัตราดอกเบี้ย MLR อยู่ที่ 7.725% อัตราดอกเบี้ย MOR อยู่ที่ 7.6% และอัตราดอกเบี้ย MRR อยู่ที่ 7.83% มีผลตั้งแต่วันที่ 3 ต.ค.

ด้านธนาคารกรุงไทย ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก 0.10-0.45 % ต่อปี  โดยปรับอัตราดอกเบี้ยสำหรับบุคคลธรรมดา ประเภทเงินฝากประจำ 24 เดือนเพิ่มขึ้นสูงสุด 0.45% เป็น 2.40% ต่อปี และปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำ 36 เดือน 0.30% เป็น 2.65% ต่อปี

พร้อมปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท เพิ่มขึ้น 0.25% ส่งผล MLR  อยู่ที่ระดับ 7.05% ต่อปี   MOR  อยู่ที่ระดับ 7.52% ต่อปี   และ MRR  อยู่ที่ระดับ 7.57% ต่อปี มีผลตั้งแต่วันที่ 5 ต.ค.เป็นต้นไป 


"คนออมยิ้ม-คนกู้อ่วม" แบงก์ตบเท้าขึ้นดอกเบี้ยตาม กนง.

ปิดท้ายแบงก์สัญชาติญี่ปุ่นอย่าง ธนาคารกรุงศรีอยุธยา  ปรับอัตราดอกเบี้ยเงินฝากสำหรับลูกค้ารายย่อยและนิติบุคคล เพิ่มขึ้น 0.10-0.30% ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ปรับขึ้น 0.25% โดยอัตราดอกเบี้ย MLR เพิ่มเป็น 7.280% อัตราดอกเบี้ย MOR เพิ่มเป็น 7.575% และอัตราดอกเบี้ย MRR เพิ่มเป็น 7.400%

การปรับขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้แม้ว่าจะส่งผลดีต่อผู้ฝากเงินที่มีทางเลือกในการออมมากขึ้น   เพราะผลตอบแทนที่ได้จากสินทรัพย์เสี่ยง อาจจะไม่ได้แตกต่างกับการฝากเงินเท่าไหร่นัก  แต่ในอีกด้านหนึ่ง ดอกเบี้ยเงินกู้ที่สูงจะมีผลต้นทุนทางการเงินที่สูงขึ้น

ดังนั้นในช่วงที่สถานการณ์การเงินเปลี่ยนแปลง ซึ่งส่งผลต่อสภาพการใช้จ่ายและความเป็นอยู่ของทั้งภาคประชาชนและภาคธุรกิจ จึงจำเป็นที่ทุกฝ่ายต้องรัดเข็มขัดระมัดระวังการใช้จ่ายอย่างรอบคอบ คุมต้นทุนให้นิ่ง และเพิ่มรายรับให้มากขึ้น เพื่อเป็นการสร้างกันชนให้กับตัวเอง ไว้รองรับความไม่แน่นอนและแรงกระแทกต่างๆ ที่อาจจะเกิดขึ้นได้ในอนาคต...