svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเงิน-การลงทุน

เจ้าสัว "ธนินท์"-"เจริญ"โชว์วิสัยทัศน์งานนักธุรกิจจีนโลก

15 มิถุนายน 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ไทยพร้อมเป็นเจ้าภาพประชุมใหญ่นักธุรกิจจีนจากทั่วโลก ระหว่างวันที่ 24-26 มิ.ย.นี้ หวังขยายการค้า-การลงทุน หลังโควิดคลี่คลาย ขณะที่เจ้าสัว "นายธนินท์" - "เจริญ" ร่วมปาฐกถาพิเศษ คาดเงินสะพัด 300-400 ล้าน

นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการหอการค้าไทย-จีน เปิดเผยว่า ความคืบหน้าการประชุมนักธุรกิจชาวจีนโลก (World Chinese Entrepreneurs Convention : WCEC) ครั้งที่ 16 ที่ไทยเป็นเจ้าภาพ ระหว่างวันที่ 24-26 มิ.ย.ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์นั้น  ได้รับความสนใจจากนักธุรกิจจีนจากทั่วโลกกว่า 40 ประเทศ

ทั้งนี้คาดว่าจะมีนักธุรกิจชาวจีนจากทั่วโลกกว่า 4,000 คนมาร่วมหารือ จัดนิทรรศการ เจรจาการค้า และคุยธุรกิจ คาดเงินสะพัด 300-400 ล้านบาท จากการใช้จ่ายในแหล่งท่องเที่ยวและโรงแรม

สำหรับการประชุมครั้งนี้เป็นการรวมตัวของนักธุรกิจระดับเวิลด์คลาสที่กรุงเทพฯ ช่วยส่งเสริมการค้าการลงทุน เพื่อหุ้นส่วนได้ประโยชน์ทั้งสองฝ่าย ทั้งที่ดำเนินธุรกิจในไทยอยู่แล้วหรือนักลงทุนใหม่ ๆ ที่ต้องการเข้ามาลงทุนในไทย ซึ่งช่วยหนุนเศรษฐกิจไทยให้ฟื้นตัวจากการระบาดของโควิด-19 ได้เร็วขึ้น

นอกจากนี้จะมีการปาฐกถาพิเศษจากนักธุรกิจชั้นแนวหน้า เช่น นายธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ นายเจริญ สิริวัฒนภักดี ประธานกรรมการบริษัทไทยเบฟเวอเรจ นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานหอการค้าไทย ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สถาบันธนาคารไทย หอการค้านานาชาติในประเทศไทยอีก 30 ประเทศ และผู้บริหารระดับสูงอีกจำนวนมาก

รายงานข่าวแจ้งว่า จีนเป็นแหล่งการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (เอฟดีไอ) ใหญ่สุดของไทยในปี 65 งานนี้จะยิ่งเป็นตัวเร่งให้การลงทุนจากจีน ซึ่งมีเศรษฐกิจใหญ่สุดในเอเชียไหลเข้าไทยมากขึ้น โดยข้อมูลจากกระทรวงพาณิชย์ ปี 65 จีนเป็นคู่ค้าอันดับหนึ่งของไทย การค้าระหว่างสองประเทศมูลค่า 3.69 ล้านล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาไทยติดต่อหลายประเทศให้เข้ามาลงทุน โดยเฉพาะในอีอีซี อย่างไรก็ตาม เอฟดีไอจีนมีแนวโน้มเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากรัฐบาล เน้นการลงทุนอีวีดึงผู้ผลิตรถยนต์จีนหลายรายให้เข้ามาลงทุนในไทย

ขณะที่ข้อมูลจากสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) ระบุว่า ปี 65 ที่ผ่านมาจีนเป็นนักลงทุนรายใหญ่สุดของไทยรวม 7.74 หมื่นล้านบาท ส่วนใหญ่ลงในภาคส่วนอิเล็กทรอนิกส์และรถยนต์ ส่วน ญี่ปุ่นเป็นอันดับสอง 5.08 หมื่นล้านดอลลาร์ สหรัฐฯ  5.03 หมื่นล้านดอลลาร์ และไต้หวัน 4.52 หมื่นล้านดอลลาร์

logoline