svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเงิน-การลงทุน

แบงก์พาเหรด "ขึ้นดอกเบี้ย" รอบใหม่มีที่ไหนบ้างเช็กที่นี่ !

แบงก์พาณิชย์-สถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ เด้งรับมติกนง. ประกาศปรับขึ้นดอกเบี้ยเงินกู้-เงินฝากกันเป็นทิวแถว จะมีแบงก์ไหนกันบ้าง และปรับขึ้นเท่าไหร่ ตามไปส่องกันเลย

มติเอกฉันท์ในการประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) วันที่ 31 พ.ค.ที่ผ่านมาปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก 1.75% เป็น 2.00%  ต่อปี โดยมองว่าเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มขยายตัวต่อเนื่อง และอาจโตสูงกว่าที่ประเมินไว้ แต่ความเสี่ยงจากอัตราเงินเฟ้อยังมีอยู่เช่นกัน ดังนั้นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายให้เหมาะสมกับแนวโน้มเศรษฐกิจและเงินเฟ้อยังคงดำเนินต่อไป

พลันที่กนง.เคาะขึ้นดอกเบี้ยนโยบาย ทางด้านแบงก์ใหญ่อย่าง "ธนาคารกรุงเทพ" ก็ออกมานำร่องตอบสนอง ด้วยการประกาศ ขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก 0.05-0.25% โดยดอกเบี้ยเงินฝากสะสมทรัพย์ เป็น 0.60% ต่อปี เงินฝากประจำ 3 เดือน เป็น 0.95% ต่อปี เงินฝากประจำ 6 เดือน เป็น 1.05% ต่อปี เงินฝากประจำ 12 เดือน เป็น 1.35% ต่อปี เงินฝากประจำ 24 เดือน เป็น 1.75% ต่อปี และเงินฝากประจำ 36 เดือน เป็น 1.90% ต่อปี ส่วนเงินฝากสะสมทรัพย์    e-Saving วงเงินไม่เกิน 1 ล้านบาท 1.50% ต่อปี และวงเงินส่วนที่เกิน 1 ล้านบาท 0.60% ต่อปี

ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินให้สินเชื่อปรับขึ้น 0.20% โดยอัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR) เป็น 6.85% ต่อปี อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) เป็น 7.30% ต่อปี และอัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MOR) เป็น 7.05% ต่อปีมีผลวันที่ 2 มิ.ย.เป็นต้นไป

แบงก์พาเหรด "ขึ้นดอกเบี้ย" รอบใหม่มีที่ไหนบ้างเช็กที่นี่ !

ตามติดด้วย แบงก์รวงข้าว อย่าง “ธนาคารกสิกรไทย" ขึ้นดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์และเงินฝากประจำสำหรับลูกค้าบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล 0.05% - 0.25% เพื่อเป็นการเพิ่มกำลังซื้อให้ลูกค้าสามารถรับมือกับความท้าทายทางเศรษฐกิจได้อย่างราบรื่น

ส่วนอัตราดอกเบี้ยเงินกู้เพิ่มขึ้น 0.20% ส่งผลให้อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทเงินกู้แบบมีระยะเวลา (MLR)อยู่ที่ระดับ 7.02% อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดีประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR)  อยู่ที่ 7.34% และ อัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายย่อยชั้นดี (MRR) อยู่ที่ 7.05% ต่อปี  มีผลในวันที่ 6 มิ.ย. เป็นต้นไป

สำหรับแบงก์ “กรุงไทย” นั้น ได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝาก 0.05-0.25 % ต่อปี เพื่อส่งเสริมการออม ให้ผู้ฝากเงินมีรายได้เพิ่มขึ้นในภาวะที่ค่าครองชีพสูงขึ้น และปรับอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ 0.20% โดย MLR เป็น 6.80% ต่อปี MOR เป็น 7.27% ต่อปี และ MRR เป็น 7.320 %ต่อปี มีผล 6 มิ.ย.นี้เป็นต้นไป
 
 

แบงก์พาเหรด "ขึ้นดอกเบี้ย" รอบใหม่มีที่ไหนบ้างเช็กที่นี่ !

ฝั่งธนาคารเฉพาะกิจไม่น้อยหน้า โดยธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) ประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย Prime Rate 0.25% ต่อปี จาก 6.25% ต่อปี เป็น 6.50% ต่อปี ซึ่งยังคงเป็นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดีที่ต่ำที่สุดในระบบ มีผลตั้งแต่วันที่ 6 มิ.ย. เป็นต้นไป

ส่วนแบงก์ขวัญใจเกษตรกร อย่างธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)  ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เงินฝาก 0.05 - 0.50%  ต่อปี เพื่อส่งเสริมการออมและเพิ่มผลตอบแทนให้สอดคล้องกับอัตราผลตอบแทนของธนาคาร พาณิชย์และสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ (SFIs)

ขณะเดียวกันได้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ทุกประเภท 0.10 – 0.25% ต่อปีประกอบด้วย อัตราดอกเบี้ยลูกค้ารายคนชั้นดี (MRR) จาก 6.875% ปรับขึ้น 0.10% เป็น 6.975% ต่อปี อัตราดอกเบี้ยลูกค้าสถาบันและนิติบุคคลชั้นดี (MLR) จาก  5.375% ปรับขึ้น 0.250 % เป็น  5.625% ต่อปี และอัตราดอกเบี้ยประเภทเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) จาก  6.750% ปรับขึ้น 0.125 % เป็น 6.875% ต่อปี  โดยมีผล 6 มิ.ย. เป็นต้นไป

เทรนด์ทิศทางดอกเบี้ยที่อยู่ในช่วง "ขาขึ้น" ทำให้ลูกหนี้ที่ใช้บริการสินเชื่อที่คิด "ดอกเบี้ยแบบลอยตัว" โดยเฉพาะภาคธุรกิจ และสินเชื่อบ้าน ต้องมีภาระจ่ายดอกเบี้ยเพิ่มขึ้นทุกเดือน ในภาวะที่เศรษฐกิจยังไม่ฟื้นตัวเต็มสูบ ดังนั้นลูกหนี้ต้องบริหารจัดการหนี้ให้ดี และการรีไฟแนนซ์ด้วยการลดต้นลดดอกเป็นทางเลือกหนึ่งในการแก้ปัญหา แต่สิ่งที่ต้องเร่งดำเนินการมากที่สุด คือการลดการใช้จ่ายที่ไม่จำเป็นลง  เพื่อไม่ให้ภาระหนี้มากจนเกินไป เพราะหาก "ไม่รัดเข็มขัด" ใช้เงินมือเติบมากความจำเป็นอาจทำให้หนี้พอกพูนกลายเป็นงูกินหางจนไม่สามารถรับภาระได้ และกลายสภาพเป็นหนี้เสียไปในที่สุด...