ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK) เปิดเผยว่า ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ EXIM BANK ได้ตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ Prime Rate (อัตราดอกเบี้ยเงินกู้ที่ EXIM BANK ใช้สำหรับลูกค้าทั่วไปและลูกค้า SMEs เทียบเท่าอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดีหรือ MRR ของธนาคารพาณิชย์) ไว้ในอัตราที่ต่ำที่สุดในระบบมาเป็นเวลากว่า 3 ปี
อย่างไรก็ดี แนวโน้มอัตราดอกเบี้ยอยู่ในช่วงขาขึ้นทั่วโลก เศรษฐกิจไทยฟื้นตัวอย่างค่อยเป็นค่อยไป แม้อัตราเงินเฟ้อของไทยมีแนวโน้มปรับลดลง แต่ยังคงสูงเกินกรอบเป้าหมายเงินเฟ้อของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ทำให้การประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งแรกของปีนี้เมื่อวันที่ 25 มกราคม 2566 มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก 1.25% เป็น 1.50% ต่อปี
ดังนั้น เพื่อให้การดำเนินงานของ EXIM BANK สอดคล้องกับทิศทางของเศรษฐกิจและแนวโน้มเงินเฟ้อ และเพื่อสนับสนุนการดำเนินนโยบายการเงินของธนาคารแห่งประเทศไทย ซึ่งจะช่วยให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยเป็นไปอย่างมีเสถียรภาพ EXIM BANK จึงประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย Prime Rate 0.25% ต่อปี จาก 5.75% ต่อปี เป็น 6.00% ต่อปี ซึ่งยังคงเป็นอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลูกค้ารายย่อยชั้นดีที่ต่ำที่สุดในระบบ มีผลตั้งแต่วันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2566 เป็นต้นไป
นอกจากนี้ EXIM BANK ยังมีมาตรการช่วยเหลือและโปรโมชันพิเศษอย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรเทาผลกระทบด้านภาระดอกเบี้ยเงินกู้ของผู้ประกอบการ และเพื่อสนับสนุนผู้ประกอบการโดยเฉพาะคนตัวเล็กในกลุ่มเศรษฐกิจฐานรากและ SMEs ให้สามารถปรับตัวกับภาวะอัตราดอกเบี้ยขาขึ้นและเติบโตในตลาดการค้าโลกได้อย่างยั่งยืนท่ามกลางปัจจัยท้าทายของเศรษฐกิจโลกที่ยังคงมีความไม่แน่นอนสูง