
นายพิชญา พิสุทธิกุล อุปนายกสมาคมค้าทองคำ เปิดเผยกับ Nation Online ว่า การซื้อขายทองคำปีนี้ในช่วงเทศกาลตรุษจีน 2566 เริ่มกลับมาคึกคัก หลังโควิดคลี่คลาย คาดยอดขายเพิ่ม 5-10% จากปกติ แต่ปริมาณการซื้อทองอาจไม่มากเหมือนก่อน เพราะหลายธุรกิจเพิ่งฟื้น
โดยเฉพาะในหัวเมืองใหญ่ ทำให้คนจีน หรือคนไทยเชื้อสายจีนที่ต้องการซื้อทองมอบเป็นของขวัญปีใหม่ให้พ่อแม่ ญาติ พี่น้องมีขนาดเล็กลง เช่น สร้อยข้อมือจากเดิมซื้อน้ำหนักขนาด 1 บาท ก็เหลือเพียง 1 สลึง หรือ 2 สลึง เป็นต้น
นอกจากนี้พนักงานบริษัทบางรายยังมีภาระหนี้ในช่วงเกิดโควิดที่ต้องชำระกับสถาบันการเงินคืนทำให้ระมัดระวังการใช้จ่าย ซื้อสินค้าที่มีความจำเป็นเท่านั้น
“ในช่วงปี 64-65 ธุรกิจปิดกิจการจำนวนมาก เนื่องจากผลกระทบโควิด และเมื่อสามารถเปิดกิจการได้กำลังการผลิตก็ยังไม่เต็มที่ บางอุตสาหกรรมขาดแคลนแรงงาน บางอุตสาหกรรมจ่ายโบนัสช่วง ตรุษจีน เพียง 1 เดือน จากเมื่อก่อน 3-4 เดือน ส่วนผู้ประกอบการรายไหนที่ยังขาดทุนอยู่ก็ไม่สามารถจ่ายโบนัสได้ ซึ่งต้องใช้เวลากว่าธุรกิจจะฟื้นกลับคืนมาเหมือนเดิม”
สำหรับการเก็งกำไรทองคำแท่งนั้น หากราคาในประเทศเฉลี่ยอยู่ที่ 28,000 -28,500 บาทแนะนำให้ทยอยซื้อเก็บเข้าพอร์ต และเมื่อราคาปรับขึ้นใกล้ 30,000 บาทก็ให้ทยอยขายทำกำไรออกมาบ้าง
ซึ่งเห็นว่าเงินบาทที่แข็งค่าจากการที่นักลงทุนนำเงินมาพักในตราสารหนี้เพื่อเก็งกำไรค่าเงินบาททำให้ราคาทองคำไม่ได้ปรับตัวขึ้นมากนัก แม้ว่าราคา Gold spot นิวยอร์กจะปรับตัวขึ้นก็ตาม
นอกจากนี้ขอให้ประชาชนระมัดระวังการออมทองผ่านร้านทอง หรือออนไลน์ เพราะอาจถูกหลอกทำให้สูญเงินเป็นจำนวนมาก เนื่องจากที่ผ่านมาพบว่ากลุ่มมิจฉาชีพทำการเปิดร้านทอง และหลอกให้มาลงทุน หาผู้ร่วมทุน หลังจากนั้นปิดร้านเชิดเงินหนี เช่น เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในจังหวัดสระบุรี เป็นต้น
นายวรชัย ตั้งสิทธิ์ภักดี กรรมการ บริษัท ห้างขายทองจินฮั้วเฮง จำกัด กล่าวกับ Nation Online ว่า ในช่วงเทศกาลตรุษจีน 2566 คาดว่าการซื้อขายทองคำย่าน เยาวราช และทั่วประเทศคึกคัก เนื่องจากเป็นช่วงที่คนไทยเชื้อสายจีนจะนิยมซื้อทองเป็นของขวัญให้กับ พ่อแม่ พี่น้อง และญาติมิตร
ทั้งนี้ประเมินว่ายอดขายจะเพิ่มขึ้น แต่ผลิตภัณฑ์ทองคำที่ซื้อ โดยเฉพาะทองรูปพรรณอาจมีขนาดเล็กลง จากที่เป็นสร้อยคอ สร้อยแขนก็อาจเปลี่ยนเป็นจี้ หรือแหวน เป็นต้น เนื่องจากประชาชนยังระมัดระวังการใช้จ่ายในช่วงเศรษฐกิจอยู่ระหว่างการฟื้นตัว