นายเทิดศักดิ์ ทวีธีระธรรม รองกรรมการผู้อำนวยการ สายงานวิจัย บล.เอเซียพลัส เปิดเผยว่า ช่วง 1Q65 ตลาดหุ้นไทยปรับตัวขึ้น จาก 4 ปัจจัยสนับสนุนคือ 1. ภาพรวมเศรษฐกิจไทยถือว่าเติบโตโดดเด่นกว่าเศรษฐกิจโลก
โดยจีดีพีของไทยขยายตัว 3.8% มากกว่าเศรษฐกิจโลกที่ขยายตัวเพียง 2.6% ซึ่งมีแรงหนุนมาจากภาคการท่องเที่ยวที่มีโอกาสฟื้นตัวได้เร็วขึ้น หลังจากจีนผ่อนคลายมาตรการควบคุม COVID-19
2. กำไรบริษัทจดทะเบียนปี 66 คาดอยู่ที่ 1.27 ล้านล้านบาท คิดเป็น EPS ที่ 99.2 บาทต่อหุ้น เติบโต 6% โดยเฉพาะหุ้นในกลุ่ม non – energy คาดเติบโตได้ถึง 11.7%
3. ทิศทาง Fund Flow ที่มีแนวโน้มไหลเข้าจากค่าเงินบาทเสถียร ภาพของเงินบาทที่มีแนวโน้มแข็งค่า ตามดุลบัญชีเดินสะพัดและทุนสำรองระหว่างประเทศที่มีแนวโน้มสูงขึ้น
4.ความคาดหวังเชิงบวกต่อนโยบายใหม่ ๆ ในช่วงเข้าใกล้เลือกตั้ง ซึ่งจากสถิติในอดีตนับจาก 2544-2562 พบว่าก่อนการเลือกตั้ง 3 เดือน SET Index ให้ผลตอบแทนเป็นบวกเฉลี่ย 3.9%
ส่วนปัจจัยที่เป็นตัวจำกัดการขึ้นของหุ้นไทยขึ้นกับความเสี่ยงของเศรษฐกิจสหรัฐ ฯ และยุโรปที่มีโอกาสสูงที่เข้าสู่ภาวะ Recession สะท้อนจาก Bloomberg Consensus คาดโอกาสในยุโรปมากถึง 80% และสหรัฐฯ 65% ซึ่งสร้าง Sentiment เชิงลบต่อตลาดหุ้นภูมิภาครวมถึงบ้านเรา แม้ไทยโอกาสเกิดภาวะถดถอยอยู่ต่ำเพียง 13% ก็ตาม
นอกจากนี้การขึ้นดอกเบี้ยฯ ของ กนง. ซึ่งจะทำให้ส่วนต่างระหว่างผลตอบแทนในตลาดหุ้นและอัตราผลตอบแทนพันธบัตรแคบลง โดยฝ่ายวิจัยฯ คาด กนง.จะปรับขึ้นดอกเบี้ยฯ ในปีนี้ไม่เกิน 2 ครั้งจากปัจจุบันอยู่ที่ 1.25%
สำหรับการเก็บภาษีขายหุ้นที่คาดว่าจะมีผลบังคับใช้ในช่วงต้น 2Q66 ซึ่งน่าจะกระ ทบต่อทิศทางตลาดช่วงปรับสมดุล โดยเฉพาะช่วงก่อนเก็บภาษีจริง และความผันผวนของ DELTA ที่อาจกลับมาสร้างแรงกดดันต่อตลาดหลังจากปรับขึ้น ตั้งแต่ พ.ย.65 ถึงปัจจุบัน 45% จนระดับ PER 66F ขึ้นมาสูงถึง 64 เท่า (เทียบกับกลุ่มที่ PER66F เฉลี่ยอยู่ที่ 16 เท่า) ถือเป็นระดับที่ยากจะอธิบายในมุมปัจจัยพื้นฐาน ซึ่งทุกๆ การเปลี่ยนแปลงของราคาหุ้น DELTA 1% กระทบดัชนี 0.85 จุด
อย่างไรก็ตาม ประเมินเป้าหมายดัชนี บนสมมติฐาน Market Earning Yield Gap ที่ 4.2% EPS ที่ 99.2 บาทต่อหุ้น และคาดดอกเบี้ยฯ ปีนี้อยู่ที่ระดับ 1.50% - 1.75% จะทำให้เป้าหมาย ดัชนีอยู่ที่ 1,677-1,740 จุด
ทั้งนี้เห็นว่าการขึ้นเกินระดับดังกล่าวต้องระวังขายทำกำไร โดยกลยุทธ์การลงทุนแนะนำหุ้นกำไรมีแนวโน้มเติบโตที่กระจายบน 3 ธีม การลงทุน 1. การบริโภคในประเทศเช่น STEC, COM7, GULF 2. กลุ่มไชน่าเพลย์ เช่น AOT 3.หุ้นปันผลสูง