นายวิทวัส วิภากุล ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจโรงแรมและอสังหาริมทรัพย์ บริษัท แกรนด์ แอสเสท โฮเทลส์ แอนด์ พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ปีนี้ธุรกิจและกิจกรรมทางเศรษฐกิจของประเทศกลับมาฟื้นตัว หลังจากเผชิญการแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลกระทบเป็นวงกว้าง ทำให้บริษัทฯ ได้ร่วมลงทุนต่อยอดธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ กับบริษัท ซูมิโตโม ฟอเรสทรี จำกัด ร่วมกันพัฒนา โครงการไฮด์ เฮอริเทจ ทองหล่อ คอนโดมิเนียมระดับ ซูเปอร์ลักชัวรี่ วง เงิน 2,000 ล้านบาท
ส่วนโครงการ ไฮด์ สุขุมวิท 11 วงเงินลงทุน 600 ล้านบาท และโครงการอมาธารา เรสซิเดนเซส ระยอง จำนวน 400 ล้านบาท ที่ร่วมกับ “อมาธารา เวลเลเชอร์ รีสอ์รท” แบรนด์ธุรกิจบริการด้านสุขภาพแบบองค์รวม (Holistic Wellness) ให้แก่ผู้พักอาศัย ด้วยพูลวิลล่าระดับ 5 ดาว ตั้งอยู่ริมทะเล ท่ามกลางธรรมชาติ และเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยโครงการในพื้นที่เขตพัฒนาเศรษฐกิจ “อีอีซี” ซึ่งปีนี้มีแผนจะเริ่มก่อสร้างพื้นที่ส่วนกลางในรูปแบบ Beach Bar เพิ่มเติมด้วย
สำหรับ ธุรกิจโรงแรม ได้แก่ โรงแรมไฮแอทรีเจนซี่ กรุงเทพฯ สุขุมวิท โรงแรมเดอะเวสทินแกรนด์ สุขุมวิท รอยัล ออคิด เชอราตัน โฮเทล แอนด์ ทาวเวอร์ โรงแรมเชอราตันหัวหินรีสอร์ทแอนด์สปา และเชอราตันหัวหินปรานบุรีวิลล่า คาดว่าจะได้รับผลดีจากที่การท่องเที่ยวทั่วโลกที่ฟื้นตัว หลังจากรับผลกระทบจากโรคระบาดโควิด19 มาตั้งแต่ปลายปี 62
นอกจากนี้การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยคาดว่าจำนวนนักท่องเที่ยวในปี 66 จะเพิ่มขึ้นอยู่ที่ 25 ล้านคน หรือคิดเป็น 62% ของปี 62 โดยโรงแรมในเครือของบริษัทคาดการณ์รายได้จะฟื้นตัวเทียบเท่ากับรายได้ปี 62 ซึ่งมาจากหลายปัจจัยหลัก เช่น ที่ตั้งของโรงแรมที่สามารถเดินทางได้สะดวกหลากหลายช่องทางสามารถเดินทางไปสถานที่ท่องเที่ยวและออฟฟิศสำคัญได้รวดเร็ว ใกล้ศูนย์ประชุมแห่งชาติที่สำคัญของประเทศ จึงเป็นที่ชื่นชอบของทั้งนักธุรกิจ, นักท่องเที่ยว และผู้มาร่วมงานประชุม MICE
ขณะที่โรงแรมในต่างจังหวัดก็มีความพร้อมต้อนรับลูกค้าทุกประเภท โดยเฉพาะงานแต่งงานของชาวอินเดีย ซึ่งชื่นชอบโรงแรมในเครือของบริษัทที่มีชื่อเสียงโด่งดังในด้านนี้อยู่แล้ว และรวมถึงนักเดินทางจากกลุ่มประเทศตะวันออกกลางที่ชื่นชอบความหรูหราและความเป็นส่วนตัว ซึ่งตรงกับความเป็นตัวเองของโรงแรมสไตล์วิลล่าของบริษัทเช่นกัน
“ ได้ปรับปรุงส่วนต่างๆ ของโรงแรมเพื่อรอรับการฟื้นตัวของธุรกิจท่องเที่ยว เช่น ร้านอาหารโรงแรมรอยัล ออคิด เชอราตัน 2 แห่ง ประกอบด้วย สยาม ยอร์ช คลับ ร้านอาหารและบาร์สุดหรูแห่งใหม่ และ จิออร์จิโอ ร้านอาหารอิตาเลียน โดยใช้งบประมาณ 100 ล้านบาท เพื่อให้สามารถมองเห็นวิวแม่น้ำเจ้าพระยาในมุมที่สวยงาม”
ทั้งนี้ในปี 66 บริษัทคาดว่าจะมีรายได้รวม 6,000 ล้านบาท โดยเป็นรายได้จากธุรกิจโรงแรม 3,000 ล้านบาท และธุรกิจอสังหา ริมทรัพย์ 3,000 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเติบโตจากทั้งสองธุรกิจหลัก ส่งผลให้จะมีรายได้เป็น All-Time High หรือรายได้ที่สูงสุดเป็นประวัติการณ์นับตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทมา