
24 สิงหาคม 2568 ดร.สุเมธ ตั้งประเสริฐ ผู้ว่าการ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.) กล่าวถึงการนำวิสัยทัศน์ 5 แกนหลักสำคัญ หรือ R-A-P-I-D ที่ได้ประกาศไว้ครั้งเข้ารับตำแหน่งผู้ว่าการ กนอ.เมื่อช่วงต้นเดือนกรกฎาคม 2568 เป็นพิมพ์เขียวในการผลักดัน กนอ.ไปสู่บทบาท ‘แพลตฟอร์ม’ ขับเคลื่อนเศรษฐกิจอุตสาหกรรมไทยอย่างยั่งยืน ว่า
ดร.สุเมธ ตั้งประเสริฐ ผู้ว่าการ การนิคมอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (กนอ.)
ในขณะที่โลกธุรกิจมีการปรับเปลี่ยนอย่างรวดเร็ว ทั้งยังมีปัจจัยรุมเร้ารอบด้าน การปรับตัวของภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม จึงเป็นหัวใจสำคัญของการอยู่รอด และการพัฒนาเติบโต ในฐานะที่ กนอ.มีหน้าที่รับผิดชอบดูแลภาคธุรกิจอุตสาหกรรม จึงไม่สามารถจะเป็น ‘ผู้ควบคุม’ (REGULATOR) หรือ ‘เจ้าของที่ดิน’ (LANDLORD) แบบเดิมได้อีกต่อไป โดย กนอ.จะต้องรีบปรับบทบาทใหม่ให้เป็น ‘แพลตฟอร์ม’ ในการที่จะขับเคลื่อนอุตสาหกรรมของประเทศไทยให้เติบโตไปสู่เศรษฐกิจอนาคตที่มีมูลค่าสูง โปร่งใส เป็นธรรม ด้วยแนวคิดที่สดใหม่ และยั่งยืน
ดร.สุเมธ กล่าวต่อว่า กนอ.ต้องเปลี่ยนบทบาทตัวเองให้เป็นเหมือน ‘สะพาน’ หรือ ‘ตัวกลาง’ ที่เชื่อมโยงให้เกิดความร่วมมือระหว่างภาคธุรกิจอุตสาหกรรม เป็นเมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ (ECO INDUSTRY TOWN) ช่วยให้นักลงทุนและผู้ประกอบการเข้าถึงทรัพยากร องค์ความรู้ และโอกาสทางธุรกิจใหม่ๆ ได้อย่างสะดวกและเป็นธรรม โดยนำวิสัยทัศน์ 5 แกนหลักสำคัญ หรือ R-A-P-I-D มาเป็นกลยุทธ์ หรือหัวใจของการเสริมศักยภาพการอแข่งขันของภาคอุตสาหกรรมไทยในระดับสากล
สำหรับวิสัยทัศน์ 5 แกนหลักสำคัญ หรือ R-A-P-I-D ที่ ผู้ว่าการ กนอ.ได้ประกาศไว้ ประกอบไปด้วย
-R : REGULATORY FLEXIBILITY หรือการปลดล็อกกฎเกณฑ์ ลดขั้นตอนที่ยุ่งยาก สร้างระบบศูนย์บริการระบบดิจิทัลครบวงจร (ONE STOP DIGITAL) โดยจะตั้งขึ้นภายใน 100 วัน (หลังเข้ารับตำแหน่งผู้ว่าการ กนอ.) เพื่อความรวดเร็ว และคล่องตัวสูงสุดในการอำนวยความสะดวกให้แก่นักลงทุน และผู้ประกอบการ
-A : ADVANCE INFRASTRUCTURE การยกระดับโครงสร้างพื้นฐาน นำเทคโนโลยีและนวัตกรรมมาอัปเกรดระบบสาธารณูปโภคของนิคมอุตสาหกรรมแห่งต่างๆ เทียบเคียงมาตรฐานสากล ทั้งในแง่ความปลอดภัย ความทันสมัย ความสะดวกสบาย การลดต้นทุน ตลอดจนรักษาสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
-P : PRODUCTIVITY THROUGH INNOVATION หรือการสร้างผลิตภาพด้วยนวัตกรรม ผนึกกำลังกับทุกภาคส่วน ผลักดันให้เกิดการปรับปรุงกระบวนการ ผ่านการสร้างวัฒนธรรม ใช้ควสามคิดสร้างสรรค์ และการนำเทคโนโลยีนวัตกรรมใหม่ๆ มาสนับสนุนกระบวนการผลิต เพื่อเพิ่มจำนวนและคุณภาพของผลผลิต ตลอดจนสร้างธุรกิจกระแสใหม่ และอุตสาหกรรมแห่งอนาคต ให้เกิดขึ้นจริงในนิคมอุตสาหกรรมแห่งต่างๆ
-I : INTEGRATE DIGITAL TRANSFORMATION หรือการเปลี่ยนผ่านสู่การนำเทคโนโลยีดิจิทัล เช่น CLOUD, AI, IOT, BIG DATA, RPA และระบบอัตโนมัติต่างๆ มาใช้เต็มรูปแบบ เพื่อเปลี่ยนแปลงและพัฒนากระบวนการต่างๆ เพื่อเพิ่มผลิตภาพ-ประสิทธิภาพ ลดต้นทุน มีความยืดหยุ่น ปรับปรุงบริการ ตัดสินใจรวดเร็ว-แม่นยำและเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้แก่องค์กร
-D : DRIVEN GROWTH AND SUSTAINABILITY คือความเติบโตบนความยั่งยืน ผ่านการยกระดับนิคมอุตสาหกรรมสู่เมืองอุตสาหกรรมเชิงนิเวศ โดยวางเป้าหมายให้ได้ 70% ของนิคมฯทั้งหมด ภายในปี 2571 และนำมาตรฐาน ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล) ขึ้นมาเป็นจุดขายที่แข็งแกร่งของภาคอุตสาหกรรมไทยในระดับสากล
สังเคราะห์แปลงออกมาเป็นนโยบายหลัก 4 ด้านสำคัญที่สะท้อนบทบาทใหม่ของ กนอ.ในการเป็น ‘แพลตฟอร์มขับเคลื่อนเศรษฐกิจแห่งอนาคตอย่างยั่งยืน’ ประกอบด้วย
ด้านที่ 1 - การสร้างรายได้อย่างยั่งยืน ผ่านการจัดตั้งหน่วยธุรกิจเศรษฐกิจใหม่ (NEW ECONOMY BUSINESS UNIT) โดยเปิดพื้นที่ให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียจากทุกภาคส่วนเข้ามาร่วมออกแบบ และบูรณาการโมเดลธุรกิจใหม่ๆ เช่น ระบบการจัดการคาร์บอนเครดิต (CARBON CREDIT), การบริหารจัดการน้ำ พลังงาน และสาธารณูปโภคอื่นๆ เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มจากโครงสร้างพื้นฐานเดิม
อีกทั้ง กนอ.ยังมีบทบาทในการส่งเสริมให้ผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ไทยเป็นส่วนหนึ่งของห่วงโซ่อุตสาหกรรมขนาดใหญ่ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมเป้าหมาย เช่น อิเล็กทรอนิกส์ ยานยนต์ และพลังงานสีเขียว เพื่อให้เกิดความเชื่อมโยงระหว่างทุนใหญ่และทุนท้องถิ่นอย่างสมดุล
ด้านที่ 2 การยกระดับการบริหารจัดการนิคมอุตสาหกรรมและบริการแก่ผู้ประกอบการ โดยนำนวัตกรรมและองค์ความรู้มาใช้เป็นเครื่องมือหลัก สร้างมาตรฐานการให้บริการที่สะดวก และรวดเร็ว ตลอดจนมีความยืดหยุ่น พร้อมทั้งพัฒนารูปแบบนิคมอุตสาหกรรมแนวใหม่ เช่น นิคมฯแนวดิ่ง (VERTICAL INDUSTRIAL ESTATE) ในพื้นที่เมืองหลัก เช่น กรุงเทพมหานคร เพื่อดึงดูดผู้ที่มีศักยภาพสูง (GLOBAL TALENT) และสตาร์ทอัป (STARTUP) จากทั่วโลกให้เข้ามาทำงาน และพัฒนาธุรกิจในประเทศไทย โดยไม่ต้องพึ่งพื้นที่ขนาดใหญ่หรืออยู่ห่างไกลศูนย์กลางนวัตกรรม
ด้านที่ 3 การพัฒนาทุนทรัพยากรมนุษย์ของ กนอ.ให้มีสมรรถนะสอดรับกับบริบทใหม่ โดยเน้นทักษะด้านการทำงานร่วมกับระบบ AI และการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างชาญฉลาด เพื่อลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ รวมถึงการยกระดับแรงงานไทยในนิคมอุตสาหกรรมให้สามารถเข้าสู่ตลาดแรงงานสากล ด้วยทักษะและคุณภาพที่ตรงกับความต้องการของอุตสาหกรรมเป้าหมายแห่งอนาคต (NEW S-CRUVE) พร้อมพัฒนาเครือข่ายผู้ที่มีศักยภาพสูง (TALENT POOL) ทั้งในระดับนิคมอุตสาหกรรมและระดับประเทศ
ด้านที่ 4 การยกระดับบทบาทด้านการกำกับดูแลและการส่งเสริมผู้ประกอบการในนิคมอุตสาหกรรม ให้สามารถเติบโตอย่างมั่นคง บนพื้นฐานของความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม ด้วยการสร้างระบบสนับสนุนและการประเมินผลที่ยึดหลัก ESG (สิ่งแวดล้อม สังคม และธรรมาภิบาล) อย่างจริงจัง เพื่อสร้างความเชื่อมั่นทั้งในระดับประเทศและนานาชาติ เสริมสร้างสมดุลระหว่างการเติบโตทางเศรษฐกิจ และความยั่งยืนในทุกมิติ
ดร.สุเมธ ยังได้เล่าถึงแนวทางการดำเนินงานใหม่เพื่อให้วิสัยทัศน์ I-EA-T R-A-P-I-D บรรลุผลอย่างเป็นรูปธรรมด้วยว่า กนอ.ต้องขับเคลื่อนแผนงานเชิงยุทธศาสตร์ในระยะสั้น กลาง และยาว โดยมีเป้าหมายในการยกระดับจากผู้ให้บริการแบบเดิม สู่แพลตฟอร์มเศรษฐกิจอุตสาหกรรมแห่งอนาคตอย่างยั่งยืนที่ตอบโจทย์โลกยุคใหม่ทั้งด้านโครงสร้าง กฎหมาย เทคโนโลยี และระบบความร่วมมือ
ใน ระยะยาว กนอ.จะเปลี่ยนผ่านตัวเองจาก ‘ผู้บริหารพื้นที่’ ไปสู่ “แพลตฟอร์มขับเคลื่อนเศรษฐกิจการลงทุนของประเทศ” โดยออกแบบฐานข้อมูลผู้ประกอบการ (OPEN INDUSTRIAL PLATFORM) ที่สามารถเชื่อมโยงข้อมูล ทุนทรัพยากรพมนุษย์ และบริการจากภาครัฐและเอกชนเข้าด้วยกันได้อย่างเป็นระบบ ตั้งเป้าให้ 70% ของพื้นที่นิคมทั้งหมดพัฒนาเป็น ECO-INDUSTRIAL TOWN ภายในปี 2028 พร้อมเปิดตัวระบบแลกเปลี่ยนคาร์บอนเครดิต (CARBON CREDIT EXCHANGE) และกลไกห่วงโซ่อุปทานสีเขียว (GREEN SUPPLY CHAIN) ที่สามารถวัดผลได้จริง รองรับการลงทุนใหม่ในภาคอุตสาหกรรมที่มุ่งเป้าสู่ก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ (NET ZERO) และเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (Sustainable Development Goals: SDGs) ไปพร้อมกัน.