12 มีนาคม 2568 ราคาทองวันนี้ ตามประกาศจาก "สมาคมค้าทองคำ" เมื่อเวลา 09.05 น. ราคาทองแท่ง ราคาทองรูปพรรณ ราคาทองคำวันนี้ ราคาไม่เปลี่ยนแปลงจากปิดตลาด เมื่อวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา โดยค่าเงินบาทอยู่ที่ระดับ 33.75 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ
ราคาทองคำแท่ง
ราคาทองรูปพรรณ
เมื่อเวลา 10.16 น. ปรับราคาทองคำขึ้น 50 บาท ต่อบาททองคำ ค่าเงินบาทอยู่ที่ระดับ 33.77 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ราคาขายทองคำ ดังนี้
ราคาทองคำแท่ง
ราคาทองรูปพรรณ
เมื่อเวลา 12.57 น. ปรับราคาทองคำขึ้น 50 บาท ต่อบาททองคำ ค่าเงินบาทอยู่ที่ระดับ 33.83 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ราคาขายทองคำ ดังนี้
ราคาทองคำแท่ง
ราคาทองรูปพรรณ
เมื่อเวลา 13.22 น. ปรับราคาทองคำขึ้น 50 บาท ต่อบาททองคำ ค่าเงินบาทอยู่ที่ระดับ 33.83 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ราคาขายทองคำ ดังนี้
ราคาทองคำแท่ง
ราคาทองรูปพรรณ
เมื่อเวลา 13.22 น. ปรับราคาทองคำลง 50 บาท ต่อบาททองคำ ค่าเงินบาทอยู่ที่ระดับ 33.83 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ราคาขายทองคำ ดังนี้
ราคาทองคำแท่ง
ราคาทองรูปพรรณ
เมื่อเวลา 16.09 น. ปรับราคาทองคำขึ้น 50 บาท ต่อบาททองคำ ค่าเงินบาทอยู่ที่ระดับ 33.80 บาทต่อดอลลาร์สหรัฐ ราคาขายทองคำ ดังนี้
ราคาทองคำแท่ง
ราคาทองรูปพรรณ
สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดบวกเมื่อคืนวันที่ 11 มี.ค.ที่ผ่านมา เนื่องจากการอ่อนค่าของสกุลเงินดอลลาร์เป็นปัจจัยหนุนตลาด นอกจากนี้ ความวิตกกังวลเกี่ยวกับผลกระทบของสงครามการค้าที่มีต่อเศรษฐกิจทั่วโลกยังทำให้นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย
ขณะเดียวกันนักลงทุนจับตาการเปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) ของสหรัฐฯ ในวันนี้ เพื่อหาสัญญาณบ่งชี้ทิศทางอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด)
ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือนเม.ย. เพิ่มขึ้น 21.50 ดอลลาร์ หรือ 0.74% ปิดที่ 2,920.90 ดอลลาร์/ออนซ์
ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน ร่วงลงแตะระดับต่ำสุดในรอบ 4 เดือน โดยการอ่อนค่าของดอลลาร์ทำให้สัญญาทองคำซึ่งกำหนดราคาเป็นสกุลเงินดอลลาร์นั้น มีราคาที่ถูกลงและน่าดึงดูดใจสำหรับนักลงทุนที่ถือครองสกุลเงินอื่น ๆ
นอกจากนี้ นักลงทุนเข้าซื้อทองคำในฐานะสินทรัพย์ที่ปลอดภัย ท่ามกลางความวิตกกังวลว่ามาตรการภาษีศุลกากรที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ นำมาใช้กับบรรดาประเทศคู่ค้านั้น จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจทั่วโลก โดยล่าสุดปธน.ทรัมป์ประกาศเพิ่มการเรียกเก็บภาษีนำเข้าเหล็กและอะลูมิเนียมจากแคนาดาเป็น 50% จากเดิม 25% โดยจะมีผลบังคับใช้ในช่วงเช้าของวันพุธที่ 12 มี.ค. เพื่อตอบโต้ต่อการที่รัฐออนแทริโอของแคนาดาประกาศเรียกเก็บภาษีกระแสไฟฟ้าที่ส่งให้แก่สหรัฐฯ ในอัตรา 25%
ผลสำรวจมุมมองต่อทิศทางราคาทองคำในประเทศรายสัปดาห์ระหว่างวันที่ 10-14 มี.ค.68 จากการสำรวจ GRC Gold Survey โดย ศูนย์วิจัยทองคำ มีรายละเอียดดังนี้..
14 ผู้เชี่ยวชาญในตลาดทองคำที่ได้มีส่วนร่วมตอบแบบสำรวจ ในจำนวนนี้มี 2 ราย หรือเทียบเป็น 14% คาดว่าราคาทองคำในสัปดาห์หน้าจะปรับเพิ่มขึ้น ส่วนจำนวน 5 ราย หรือเทียบเป็น 36% คาดว่าราคาทองคำจะลดลง และ จำนวน 7 ราย หรือเทียบเป็น 50% คาดว่าราคาทองคำจะใกล้เคียงกับสัปดาห์ที่ผ่านมา
สำหรับนักลงทุนทองคำ ได้เข้าร่วมตอบแบบสำรวจ จำนวน 355 ราย ในจำนวนนี้มี 160 ราย หรือเทียบเป็น 45% คาดว่าราคาทองคำในประเทศของสัปดาห์หน้าจะปรับเพิ่มขึ้น ส่วนจำนวน 171 ราย หรือเทียบเป็น 48% คาดว่าราคาทองคำจะลดลง และ จำนวน 24 ราย หรือเทียบเป็น 7% คาดว่าราคาทองคำจะใกล้เคียงกับสัปดาห์ที่ผ่านมา
ราคาทองคำแท่งในประเทศ 96.5% ตามประกาศ สมาคมค้าทองคำ ในสัปดาห์ที่ผ่านมาเคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 46,350 – 46,700 บาท ต่อบาททองคำ โดยราคาทองคำปิดอยู่ที่ระดับ 46,550 บาท ต่อบาททองคำ เพิ่มขึ้น 150 เมื่อเปรียบเทียบกับราคาปิดของสัปดาห์ก่อนหน้า (สัปดาห์ก่อนหน้าปิดที่ 46,400 บาท) ดูรายงาน GRC ฉบับก่อนหน้า
ปัจจัยที่ต้องติดตาม
1. การเจรจาหยุดยิงระหว่างรัสเซียและยูเครน โดยการประชุมครั้งนี้อาจเป็นสัญญาณสำคัญต่อแนวโน้มสงคราม หากมีความคืบหน้าอาจช่วยลดแรงกดดันต่อราคาพลังงานและทองคำ แต่หากไม่มีข้อตกลงอาจกระตุ้นให้เกิดแรงซื้อสินทรัพย์ปลอดภัยเพิ่มเติม
2. การประมูลพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐฯ และ ทิศทางอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Bond Yield) ซึ่งเป็นตัวชี้นำสำคัญเกี่ยวกับแนวโน้มอัตราดอกเบี้ย หากผลตอบแทนพันธบัตรปรับตัวสูงขึ้น อาจส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินของภาคธุรกิจและภาคครัวเรือนเพิ่มขึ้น และอาจกระทบต่อตลาดหุ้นและทองคำ
3. รายงานตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญของสหรัฐฯ ได้แก่ ดัชนีราคาผู้บริโภคและดัชนีราคาผู้ผลิตของเดือน กุมภาพันธ์ 2568, ดัชนีความเชื่อมั่นและมุมมองคาดการณ์เงินเฟ้อของผู้บริโภค (เบื้องต้น) สำหรับเดือน มีนาคม 2568 รวมถึงตัวเลขจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์
ขอบคุณข้อมูล