เกาะติดนโยบาย "รัฐบาลอุ๊งอิ๊ง" นโยบายบ้านเพื่อคนไทยของรัฐบาล "แพทองธาร ชินวัตร" สร้างโอกาสเข้าถึงการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองของผู้มีรายได้น้อยและปานกลาง ตั้งเป้าก่อสร้างโครงการ จำนวน 1 แสนหน่วย ภายในเวลา 3 ปี ช่วง 2568-2570
เงื่อนไขผ่อนปรน เปิดให้ผู้มีสิทธิซื้อไม่ต้องมีเงินดาวน์ และมีภาระผ่อนเพียงเดือนละ 4,000 บาท ซึ่งถือเป็นเพียงโครงการนำร่อง
ทั้งนี้ รัฐบาล มีนโยบาย "บ้านเพื่อคนไทย" เปิดโอกาสประชาชนทั่วไป นักศึกษาจบใหม่ คนมีรายได้ไม่มากนัก ซื้อและเป็นเจ้าของบ้านหลังแรก ไม่ต้องดาวน์ คิดค่าเช่าผ่อนเริ่มต้น 4,000 บาทต่อเดือน ระยะเวลา 30 ปี ได้รับสิทธิถือครอง 99 ปี
ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2568 ที่ผ่านมา ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) อนุมัติงบฯกลาง 160 ล้านบาท ตามที่กระทรวงคมนาคมเสนอ ในการศึกษาเรื่องพัฒนาที่อยู่อาศัยที่อยู่รอบสถานีรถไฟที่มีศักยภาพ หรือโครงการ “บ้านเพื่อคนไทย”
ดีเดย์จะเปิดโครงการอย่างเป็นทางการในวันที่ 17 มกราคม 2568 เวลา 14.00 น. ที่สถานีกลางอภิวัฒน์ ประตูที่ 1 โดยมี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีเป็นประธาน พร้อมเปิดให้ประชาชนชมบ้านตัวอย่าง ซึ่งมีทั้งห้องชุดและบ้านเดี่ยว
ทั้งนี้ เมื่อเวลา 14.00 น. วันนี้ (17 ม.ค.) บ้านเพื่อคนไทย เว็บไซต์ลงทะเบียนล่มทันทีที่ถึงเวลา 14.00 น. ซึ่งเป็นเวลาเริ่มต้นโครงการ "บ้านเพื่อคนไทย" เปิดให้ลงทะเบียนจองสิทธิ์ ผ่านเว็บไซต์ "www.บ้านเพื่อคนไทย.th" โดยปรากฎข้อความดังนี้
"Backend service does not exist"
ล่าสุด เมื่อเวลา 14.23 น. วันนี้ (17 ม.ค.) เว็บไซต์ได้กลับมาใช้งานได้แล้ว
เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2567 ที่ผ่านมา ที่กรมประชาสัมพันธ์ ถนนวิภาวดีรังสิต นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี แถลงผลงานรอบ 3 เดือนพร้อมกล่าวในหัวข้อ "2568 โอกาสไทยทำได้จริง" สาระสำคัญตอนหนึ่งระบุว่า รัฐบาลเห็นถึงปัญหาราคาบ้าน ที่อยู่อาศัย ซึ่งมีราคาสูงมากขึ้น จนทำให้ผู้มีรายได้น้อยและผู้ที่ทำงานใหม่ ไม่สามารถจะซื้อบ้านได้
รัฐบาลจึงจะทำนโยบายสร้างบ้านเพื่อคนไทย โดยใช้ที่ดินของการรถไฟในพื้นที่ ที่มีการคมนาคมขนส่งสะดวก สร้างที่อยู่อาศัยอาจจะเป็นในรูปแบบคอนโดมิเนียมขนาด 30 ตารางเมตร
โครงการบ้านเพื่อคนไทย เป็นการพัฒนาที่อยู่อาศัยราคาประหยัด หรือ Affordable Housing โดยมีเป้าการพัฒนาที่พักอาศัยคุณภาพสูง ในพื้นที่ศักยภาพ เป็นการพัฒนาคอนโดคุณภาพดีขนาดเริ่มต้นที่ 30 ตารางเมตร พร้อมสาธารณูปโภคครบครันและทันสมัย มีระบบการรักษาความปลอดภัยและเทคโนโลยีอื่นๆ
รวมทั้งมีโครงการบ้านเดี่ยวด้วย เพื่อเป็นบ้านสำหรับคนทำงานที่จะใช้ชีวิตอย่างมีความสุข ตั้งอยู่ในทำเลศักยภาพ ใกล้รถไฟฟ้า ผ่อนถูก ไม่ต้องดาวน์ และถือครองในระยะเวลา 99 ปี
รายงานข่าวล่าสุดเมื่อวันที่ 7 มกราคม 2567 "บ้านเพื่อคนไทย" พบว่า บริษัท เอสอาร์ที แอสเสท จำกัด (SRTA) บริษัทลูกของการรถไฟแห่งประเทศไทย (รฟท.) เตรียมเปิดตัวโครงการบ้านเพื่อคนไทย ในวันที่ 20 มกราคม 2568 ที่สถานีกลางกรุงเทพอภิวัฒน์ โดยจะเปิดตัวสำนักงานขาย ห้องตัวอย่าง ซึ่งในระยะแรกจะดำเนินการ 4 ทำเล หลังพิจารณาปัจจัยความพร้อมด้านกายภาพ สาธารณูปโภค เศรษฐกิจและสังคม
สำหรับ 4 พื้นที่ มีความพร้อม ความเหมาะสมที่จะพัฒนาเป็นโครงการระยะแรก ได้แก่
“เป้าหมายของโครงการนี้ เพื่อเป็นการเพิ่มอัตราการมีที่อยู่อาศัยให้คนไทย ในกลุ่มวัยเริ่มทำงาน กลุ่มวัยทำงานระหว่างเจนเอ็กซ์และเจนวาย โดยผ่อนเริ่มต้นเดือนละ 4,000 บาท ไม่มีเงินดาวน์”
พื้นที่บางซื่อ กม.11
พื้นที่เชียงใหม่
พื้นที่เชียงราก
พื้นที่ธนบุรี
ทั้งนี้ในวันที่ 20 มกราคมนี้ นอกจากเปิดตัวแล้ว จะเปิดให้ประชาชนที่สนใจลงทะเบียนจองโครงการ "บางซื่อ กม.11" เป็นโครงการนำร่อง
รายงานข่าวกล่าวว่า กคาดจะใช้เงินลงทุนกว่า 4,685 ล้านบาท ประกอบด้วย
สำหรับแหล่งเงินทุนในการพัฒนาโครงการจะประสานกับธนาคารของรัฐ เช่น ธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) และธนาคารออมสิน เพื่อสนับสนุนสินเชื่อดอกเบี้ยต่ำ สำหรับพัฒนาโครงการ รวมถึงปล่อยสินเชื่อให้กับประชาชน เพื่อได้สินเชื่อดอกเบี้ย 2.5% คงที่ 25 ปี จะสามารถผ่อนได้เดือนละ 4,000 บาท
ประชาชน ผู้ที่สนใจสามารถลงทะเบียน "บ้านเพื่อคนไทย" แสดงเจตจำนงเข้าร่วมโครงการได้ผ่านเว็บไซต์ www.บ้านเพื่อคนไทย.th โดยกรอกหมายเลขบัตรประชาชนพร้อมเบอร์โทรศัพท์
สำหรับขั้นตอนการแสดงเจตจำนง โครงการบ้านเพื่อคนไทย เมื่อประชาชนเข้าไปจองผ่าน www.บ้านเพื่อคนไทย.th ขั้นตอนต่อไปจะดำเนินการตามกระบวนการของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) ซึ่งจะตรวจสอบคุณสมบัติ และประกาศผล Preapprove ผู้ที่สามารถยื่นเอกสารจองสิทธิซื้อบ้านเพื่อคนไทยได้ พร้อมทั้งติดต่อกลับไปยังผู้ที่ได้รับสิทธิ ก่อนจะเข้าสู่กระบวนการจับสลากเพื่อรับสิทธิในการซื้อโครงการบ้านเพื่อคนไทยต่อไป
ผู้ที่ได้รับสิทธิ "บ้านเพื่อคนไทย" จะต้องแจ้งความประสงค์ใช้สิทธิตามวันและเวลาที่ธนาคารกำหนด เพื่อจะตรวจสอบคุณสมบัติตามที่โครงการกำหนด หากไม่ผ่านเกณฑ์จะถือว่าเป็นการสละสิทธิ์