svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

หนี้ครัวเรือนไทยพุ่ง สูงสุดรอบ 16 ปี เฉลี่ย 6 แสนบาท

หอการค้าไทย เผยหนี้ครัวเรือนไทยปี 67 สูงสุดรอบ 16 ปี เฉลี่ยต่อครัวเรือน 6 แสนบาท ส่วนใหญ่เป็นหนี้บัตรเครดิต คาดแจกเงินหมื่นกลุ่มเปราะบางกระตุ้นจีดีพีปีนี้ 0.2-0.3%

รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทย และประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ระบุ ผลสำรวจสถานภาพหนี้ครัวเรือนไทยปี 2567 พบว่า ครัวเรือนไทยมีภาระหนี้สินเฉลี่ย 606,378 บาทครัวเรือน เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 8.4% และเพิ่มสูงสุดตั้งแต่มีการสำรวจในรอบ 16 ปี นับตั้งแต่ปี 2552 

ในจำนวนนี้เป็นหนี้นอกระบบ 69.9% ลดลงจากปีก่อนที่ 80.2% แต่เพิ่มในสัดส่วนหนี้นอกระบบสูงถึง 30.1% จากปีก่อนหน้าที่มีสัดส่วนเพียง 19.8% มาจากการกู้ในระบบเต็ม เนื่องจากธนาคารระวังการปล่อยสินเชื่อ ส่วนภาระการผ่อนชำระอยู่ที่ 18,787 บาทต่อเดือน จากปีก่อนหน้าผ่อนชำระต่อเดือนที่ 16,742 บาท ซึ่งในรอบ 1 ปีที่ผ่านมาส่วนใหญ่ 71.6% เคยผิดนัดชำระหนี้

ประเภทหนี้อันดับ 1 มาจากบัตรเครดิต รองลงมา คือ ยานพาหนะ และการใช้จ่ายเพื่ออุปโภคบริโภค เนื่องมาจากมีรายได้ไม่เพียงพอต่อรายจ่าย มีเหตุให้ต้องใช้เงินฉุกเฉินที่ไม่คาดคิด และค่าของชีพที่ปรับตัวสูงขึ้น รวมถึงภาระทางการเงินในครอบครัวที่สูงขึ้น

หนี้ครัวเรือนไทยพุ่ง สูงสุดรอบ 16 ปี เฉลี่ย 6 แสนบาท

ส่วนสาเหตุที่ทำให้หนี้สินเพิ่มขึ้น 10 อันดับแรก คือ 1.รายได้ไม่เพียงพอกับรายจ่าย 2.มีเหตุไม่คาดคิดที่ต้องใช้เงินฉุกเฉิน 3.ค่าครองชีพปรับตัวสูงขึ้น 4.ภาระทางการเงินของครอบครัวสูงขึ้น 5.ล้มเหลวจากการลงทุน 

6.ลงทุนประกอบธุรกิจเพิ่มขึ้น 7.ซื้อสินทรัพย์ถาวรเพิ่มขึ้น 8.ใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตมากขึ้น 9.ค่าเล่าเรียนของบุตรหลาน 10.ขาดรายได้ เนื่องจากถูกออกจากงาน

ทั้งนี้ ปัจจัยที่ก่อให้เกิดการผิดนัดชำระหนี้มากสุด คือ เศรษฐกิจไม่ดี รองลงมา คือ รายได้ลดลง, สภาพคล่องของครัวเรือนลดลง, ราคาพืชผลเกษตรลดลง, ค่าครองชีพไม่สอดคล้องกับรายได้ และไม่มีแหล่งให้กู้ยืมเงินเพิ่ม เป็นต้น

หนี้สินครัวเรือนเป็นเรื่องสำคัญและเป็นปัญหาที่สะสมมาต่อเนื่องยาวนาน โดยนับตั้งแต่ปี 2556 ระดับหนี้ครัวเรือนเริ่มสูงเกินกว่า 80% ของ จีดีพี โดยเพิ่มขึ้นมาอยู่ในระดับ 90% ของจีดีพี นับตั้งแต่ปี 2563 

รวมทั้งเพิ่มขึ้นต่อเนื่องจนถึงระดับสูงสุดที่ 94.6% ของจีดีพี ในปี 2564 จากปัญหาโควิด-19 ซึ่งส่งผลให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจหลายภาคส่วนของประเทศต้องหยุดชะงัก ประกอบกับมาตรการช่วยเหลือของภาครัฐในเรื่องการพักชำระหนี้ จึงทำให้ยอดหนี้ครัวเรือนไม่ลดลง

อย่างไรก็ตาม หนี้ครัวเรือนที่เพิ่มขึ้นนั้น ส่วนหนึ่งเป็นการแปลงสินเชื่อจากนอกระบบเข้ามาสู่ในระบบ จึงทำให้มีสัดส่วนต่อจีดีพีสูงขึ้น ซึ่งไม่ใช่เรื่องที่น่ากลัว เพราะช่วยลดดอกเบี้ยจากที่ต้องชำระในอัตราสูงถึง 10% ต่อเดือน ลงมาอยู่ที่ราว 3% ต่อเดือนได้ นอกจากนี้ รัฐบาลในขณะนั้นยังมีนโยบายพักชำระหนี้ และการช่วยเหลือประชาชนให้เข้าถึงสินเชื่อได้มากขึ้น เพื่อลดการพึ่งพาเงินนอกระบบ
 

หนี้ครัวเรือนไทยพุ่ง สูงสุดรอบ 16 ปี เฉลี่ย 6 แสนบาท

สำหรับโครงการดิจิทัลวอลเล็ตที่จะให้กับกลุ่มเปราะบางเป็นลำดับแรกในเดือน ก.ย.นี้ วงเงิน 1.5 แสนล้านบาท โดยจะแจกเป็นเงินสดคาดว่าจะไหลไปในการซื้อสินค้าทุกประเภท น่าจะอยู่ในกลุ่มอุปโภคบริโภคเป็นหลัก และซื้อภายในพื้นที่เป็นส่วนใหญ่จึงคาดว่าจะมีเงินหมุนในระบบรวม 2 รอบ จะมีส่วนช่วยกระตุ้นจีดีพีไตรมาส 4 ของปีนี้ให้เติบโตราว 3.5-4.0% ขณะที่ภาพรวมจะช่วยกระตุ้นจีดีพีทั้งปีให้เพิ่มขึ้นอีก 0.2-0.3% เป็น 2.7-2.8% จากเดิมที่คาดว่าเศรษฐกิจไทยปี 2567 จะเติบโต 2.5%

ส่วนการจ่ายเงิน 1 หมื่นบาท กับกลุ่มที่เหลือยังไม่ชัดเจน ซึ่งเบื้องต้น หากจ่ายครึ่งนึงก่อน ในช่วงปลายปี เศรษฐกิจ จะโตขึ้นอีก 0.1% ทำให้เศรษฐกิจไทยปีนี้มีโอกาสโตได้ถึง 2.8% และหากดิจิทัลวอลเล็ต อัดต่อเนื่อง ต้นปีหน้ารวมกับการใช้จ่ายช่วงเทศกาลต่าง ๆ รวมทั้งการใช้จ่ายงบประมาณ มีโอกาสที่เศรษฐกิจไทยในปีหน้า จะโตได้ 3.5 ถึง 4.0% กดดันหนี้ครัวเรือนต่อจีดีพีให้ลดมาที่ระดับ 89 -89.5% แต่ระยะต่อไปรัฐบาลควรเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจให้โตเกิน 4% โดยเร็วเพราะในรอบ 5 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจไทยทรงตัวไม่เกิน 2.5%