"พีระพันธุ์" ขีดเส้นปตท. 15 วัน เคลียร์ปมดรามา "เติมน้ำมันไม่เต็มลิตร"

นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพลังงาน  เปิดเผยว่า ได้ทำหนังสือถึงนายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่  บริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)  ให้ตรจสอบและสั่งการให้แก้ไขหัวจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงของสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงของปตท.

หลังจากที่มีกระแสข่าวว่า การจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงแห่งหนึ่ง จ่ายให้ประชาชนไม่เต็ม ตามอัตราวัดของมาตรวัดต่อหนึ่งสิตร โดยอ้างว่า เป็นไปตามหลักเกณฑ์และกฎหมายของกระทรวงพาณิชย์ในเรื่องการชั่งตวงวัด  

กระทรวงพลังงานเห็นว่าการกระทำดังกล่าว แม้ในปัจจุบันจะไม่เป็นความผิดตามกฎหมาย ชั่งตวงวัดของกระทรวงพาณิชย์ แต่ก็เป็นการกระทำที่ทำให้ประชาชน ซึ่งเป็นผู้บริโภคไม่ได้รับความเป็นธรรม
โดยได้รับน้ำมันเซื้อเพลิงไม่เต็มตามจำนวนสิตรตามที่ชำระเงินให้สถนีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงจริง อันเป็นการไม่ถูกต้องและเป็นการเอาเปรียบประชาชน

 

ทั้งนี้ได้ขอให้ดำเนินการตรวงสอบและสั่งการให้แก้ไขหัวจ่ายน้ำมัน
เชื้อเพลิงของสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงของ ปตท.ทุกแห่ง ทั้งที่เป็นของ บริษัทปตท.เองโดยตรงและที่เป็นของเอกชนที่เข้าร่วมให้บริการประชาชนในชื่อของ ปตท. ให้มี การจ่ายน้ำมันเชื้อเพลิงให้ประชาชนเต็มตามจำนวนลิตร

พร้อมทั้งหามาตรการชดเชยประชาชนหากเกิดกรณีดังกล่าว รวมทั้งกำหนดมาตรการลงโทษสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงที่ปล่อยให้เกิดกรณีเช่นนี้ขึ้นอีก โดยให้แจ้งผลการดำเนินการ มาตรการการชดเชยให้ประชาชน และมาตรการลงโทษสถานีบริการน้ำมันเชื้อเพลิงที่กล่าวมาให้กระทรวงพลังงานทราบภายใน 15 วัน นับแต่วันที่ลงในหนังสือนี้
 

ส่วนกรณีที่กฎกระทรวงของกระทรวงพาณิชย์อนุญาตไว้ว่าเป็นกรณี “เผื่อเหลือเผื่อขาด” นั้น  เป็นเรื่องการตรวจวัดตามกฎกระทรวงเท่านั้น ถึงอย่างไรปั๊มน้ำมันก็ควรต้องจ่ายน้ำมันชดเชยให้ผู้ใช้บริการเต็มตามจำนวนลิตรที่ชำระเงินไป เพราะการชำระเงินค่าน้ำมันเป็นการชำระเต็มตามจำนวนลิตรมิใช่ชำระแบบเผื่อเหลือเผื่อขาดด้วย 

อย่างไรก็ตาม  ตนจะประเด็นนี้ไปรวมแก้ไขในกฎหมายการค้าน้ำมันเชื้อเพลิงที่อยู่ระหว่างดำเนินการ ซึ่งเห็นว่ากฎหมายในปัจจุบันมีช่องโหว่ในการกำกับดูแลเยอะมาก โดยเฉพาะอำนาจของรัฐมนตรีที่จะแก้ไขปัญหาให้ประชาชนเช่นในกรณีนี้มีน้อยมาก 

นอกจากนี้ได้สั่งการให้อธิบดีกรมธุรกิจพลังงานที่กำกับดูแลปั๊มน้ำมันทั่วประเทศดำเนินการแก้ไขปัญหาตามอำนาจหน้าที่ทันทีเช่นกัน โดยมอบให้ประธานที่ปรึกษาของตนกำกับดูแลอีกชั้นหนึ่ง