
นายชาย เอี่ยมศิริ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท การบินไทย จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงผลการประชุมคณะกรรมการเจ้าหนี้ เมื่อวันที่ 17 พ.ค.2566 ซึ่งมีวาระพิจารณาควบรวมธุรกิจสายการบินไทยสมายล์ โดยระบุว่า คณะกรรมการเจ้าหนี้เห็นชอบแผนปรับโครงสร้างองค์กรของการบินไทย ที่จะควบรวมกับสายการบินไทยสมายล์ นำเครื่องบินทั้ง 20 ลำ ที่ก่อนหน้านี้ไทยสมายล์ทำสัญญาเช่าช่วงต่อจากการบินไทย ยกเลิกสัญญาดังกล่าวและนำเครื่องบินทั้งหมดกลับมาบริหารภายใต้การบินไทย
รวมทั้งการบินไทยแจ้งผลการประชุมต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) หลังจากนั้นจะเริ่มการโอนสิทธิบริหารฝูงบิน 20 ลำ โดยดำเนินการแจ้งไปยังสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย (กพท.) และกระทรวงคมนาคม เพื่อโอนสิทธิการใช้เครื่องบินกลับมายังการบินไทย รวมทั้งยกเลิกใบอนุญาตประกอบกิจการการเดินอากาศ (AOL) ของสายการบินไทยสมายล์
ส่วนผลบวกที่การบินไทยประเมินจากการควบรวมกิจการ จะส่งผลต่ออัตราการใช้เครื่องบินมีประสิทธิภาพขึ้น เพราะปัจจุบันอัตราการใช้เครื่องบินของไทยสมายล์เฉลี่ยที่ 9 ชั่วโมงต่อวันเท่านั้น ขณะที่การบินไทยมีอัตราการใช้เครื่องบินเฉลี่ย 12-13 ชั่วโมงต่อวัน บางกลุ่มมีอัตราการใช้เครื่องบินเฉลี่ยถึง 16 ชั่วโมงต่อวัน ถือว่าใช้เครื่องบินหนักมาก
ทั้งนี้ จากผลการศึกษาพบว่าหากการบินไทยนำเครื่องบินแอร์บัส 320 ของไทยสมายล์มาบริหารในเส้นทางบินต่างๆ จะทำให้การบินไทยใช้ประโยชน์ของเครื่องบินกลุ่มนี้ต่อวันเพิ่มขึ้นเป็น 11 ชั่วโมงเศษ ซึ่งสูงกว่าอยู่ที่ไทยสมายล์ 2 ชั่วโมงกว่าต่อวัน เพราะจะบริหารเส้นทางบินครอบคลุมการใช้งานทั้งในและต่างประเทศ จะเพิ่มชั่วโมงการบินช่วงเวลากลางคืนได้ และลดต้นทุนต่อชั่วโมงได้ถึง 20% แค่นี้ก็เป็นประโยชน์ต่อธุรกิจเป็นผลบวกจากการปรับโครงสร้างองค์กรแล้ว