svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

กกร.ชง"บิ๊กตู่"ทบทวนปรับขึ้นค่าเอฟทีงวด 2 ใหม่ 10 เม.ย.นี้

09 เมษายน 2566
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

กกร.ยื่นหนังถึง "บิ๊กตู่" พรุ่งนี้ (10 เม.ย.)  ทบทวนค่าไฟงวดพ.ค.-ส.ค.66  หวังลดภาระรายจ่ายประชาชนโดยขอให้เฉลี่ยไม่ควรเกิน 4.40 บาทต่อหน่วย ขณะที่ ค่าไฟช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางไม่เกิน300 หน่วยต่อเดือนส่อแววพุ่งหลังรัฐไม่มีงบช่วยเหลือ 8,000 ล้านบาท

นายอิศเรศ รัตนดิลก ณ ภูเก็ต รองประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) เปิดเผยว่า  คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน(กกร.) เตรียมส่งหนังสือถึงพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีในฐานะประธานคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ(กพช.)วันที่ 10 เม.ย.นี้

หลังจากที่ประธานทั้ง 3 คน ประกบด้วย ประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย(ส.อ.ท.) ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยและประธานสมาคมธนาคารไทยได้ลงนามในหนังสือเรียบร้อยแล้ว เพื่อขอให้ทบทวนอัตราค่าไฟฟ้าผันแปรอัตโนมัติ(Ft) งวดพ.ค.-ส.ค.66 ใหม่ที่เห็นว่าอัตราที่เหมาะสมไม่ควรจะเกิน 4.40 บาทต่อหน่วย ขณะที่คณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) เคาะค่าไฟฟ้าเฉลี่ยรวมอยู่ที่ 4.77 บาทต่อหน่วย  

สำหรับสาเหตุหลักที่ขอให้ทบทวนขึ้นค่าไฟ เนื่องจากเห็นว่าราคาพลังงานทั่วโลก มีแนวโน้มลดลงอย่างต่อเนื่อง ดังนั้น  การเร่งคืนหนี้ค่าไฟฟ้าให้กับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) จากเดิมที่มีแผนคืนให้ในระยะเวลา 3 ปี (ตามงวด 1/2566) และเปลี่ยนเป็น 2 ปี (ตามงวด 2/2566) อาจเร็ว เกินไป จนส่งผลกระทบต่อภาระของประชาชน และต้นทุนในการดำเนินธุรกิจ กกร.จึงเสนอให้คงระยะเวลาการคืนหนี้ให้ กฟผ. เป็นระยะ 3 ปี ตามงวด 1/2566 

นอกจากนี้รัฐควรพิจารณาปรับวิธีประมาณการราคาตันทุนเชื้อเพลิงก๊าซธรรมชาติและราคาก๊าซธรรมชาติเหลวหรือ LNG ที่ใช้คำนวณต้นทุน ค่าไฟฟ้า โดยใช้ราคาที่สะท้อนแผนการนำเข้า LNG ในช่วง พฤษภาคม- สิงหาคม 2566 แทนการใช้ข้อมูลราคาของเดือน มกราคม 2566 ซึ่งมีราคาที่สูงกว่าเพื่อบรรเทาผลกระทบราคาไฟฟ้าของทุกภาคส่วนลงได้

 

ขณะเดียวกันขอให้ภาครัฐเร่งจัดตั้ง กรอ.พลังงาน เพื่อเปิดโอกาสให้ภาคเอกชนเข้าไปมีส่วนร่วมให้ความเห็นในการ กำหนดนโยบายด้านพลังงาน รวมถึงมาตรการช่วยเหลือด้านพลังงานต่างๆ เพื่อให้สามารถ บรรเทาผลกระทบต่อทุก ภาคส่วน ทั้งภาคประชาชน ภาคธุรกิจ ภาคอุตสาหกรรม ภาคบริการ และภาคผู้ประกอบการรายย่อยได้อย่างแท้จริง และเสริมสร้างขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ

รายงานข่าวจากคณะกรรมการกำกับกิจการพลังงาน(กกพ.) แจ้งว่า ล่าสุดกฟผ.ได้ทำหนังสือขอทบทวนระยะเวลาการคืนหนี้อุดหนุนค่าไฟฟ้าดังกล่าวจาก 2 ปี เป็น 2 ปี 4 เดือน หรือจากเดิมต้องชำระเสร็จสิ้นเริ่มจากม.ค.66 สิ้นสุดในธ.ค.67 ขยายเวลาเป็นเม.ย.68 (ข้อเสนอใหม่กำหนดทยอยชำระคืนงวดที่เหลือค้างนับจากสิ้นเม.ย.66 เป็น 6 งวดค่าไฟเอฟทีเฉลี่ยงวดละ 22,000 ล้านบาท จากเดิมกำหนดชำระ 5 งวดงวดละ 27,000 ล้านบาท)

ซึ่งจะช่วยให้ค่าไฟงวด2/66 ลดลงได้เฉลี่ย7สตางค์ต่อหน่วยหรือค่าไฟเฉลี่ยลดจาก 4.77 บาทต่อหน่วยเหลือประมาณ 4.70บาทต่อหน่วย  อย่างไรก็ตาม  บอร์ดกกพ.ได้หารือเบื้องต้นเห็นว่าเป็นเรื่องที่ทำได้ยาก เพราะตามระเบียบ กกพ.จะไม่ทบทวนเรื่องดังกล่าว

 

สำหรับการจัดหางบกลางฯมาช่วยเหลือกลุ่มเปราะบางผู้ใช้ไฟฟ้าบ้านไม่เกิน 300 หน่วยต่อเดือนไม่ให้กระทบค่าไฟขยับขึ้น ล่าสุดคลังไม่สามารถจัดสรรงบกลางมาสนับสนุนได้ เพราะต้องใช้งบสูงถึง 8,000 ล้านบาท โดยในงวด1/66ใช้เงินอุดหนุนค่าไฟฟ้าบ้านกลุ่มนี้ประมาณ 7,500 ล้านบาท  แต่รัฐจะอุดหนุนเฉพาะผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 315 บาทต่อเดือนและถ้าบอร์ดกกพ.ไม่ทบทวนค่าไฟฟ้าก็จะส่งผลให้คนส่วนใหญ่ของประเทศจ่ายค่าไฟงวดนี้จะเพิ่มขึ้น 

อย่างไรก็ตาม การจัดเก็บค่าไฟงวดปัจจุบัน(ม.ค.-เม.ย.66)ผู้ใช้ไฟฟ้าระหว่าง 1-150 หน่วยต่อเดือนได้ส่วนลด 1.39 สตางค์ต่อหน่วย ดังนั้นหากไม่อุดหนุนราคาก็จะขึ้นอีกราว 1.44 ตางค์ต่อหน่วย ส่วน ผู้ใช้ไฟฟ้า ระหว่าง 151 - 300 หน่วยต่อเดือน งวดปัจจุบันได้ส่วนลด 26.39 สตางค์ต่อหน่วยงวดใหม่ก็จะจ่ายเพิ่มอีก 26.44 สตางค์ต่อหน่วย

logoline