นายสุรพงษ์ ไพสิฐพัฒนพงษ์ รองประธานและโฆษกกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) เปิดเผยว่าเดือน ม.ค.2566 มียอดส่งออกรถยนต์สำเร็จรูปอยู่ที่ 86,786 คัน เพิ่มขึ้น 24.8% เมื่อเทียบกับเดือนม.ค. 2565 จากการได้รับชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์เพิ่มขึ้น จึงผลิตรถยนต์นั่งเพื่อส่งออกเพิ่มขึ้นในหลายตลาดเช่นตลาดเอเชีย ตะวันออกกลาง แอฟริกา ยุโรปและอเมริกาเหนือ ซึ่งยังคงตั้งเป้าว่าทั้งปี 2566 ไทยจะสามารถออกรถยนต์ได้ 1,050,000 คันตามเป้าหมาย
"เศรษฐกิจโลกในขณะนี้ เชื่อว่าจะอยู่ในทิศทางของการฟื้นตัวมากขึ้น และการใช้รถกะบะ ซึ่งเป็นรถยนต์ส่งออกอันดับ 1 ของไทยก็จะสูงขึ้นตามไปด้วย ซึ่งหากดูตลาดคู่ค้าหลักของไทย ก็ยังคงขยายตัวเป็นบวกทั้งสิ้น เพราะที่ผ่านมาไทยปัจจัยที่ทำให้ส่งออกรถยนต์ได้น้อย คือปัญหาแคลนชิป (เซมิคอนดักเตอร์) และพื้นที่จอดรถยนต์ในเรือขนส่งรถยนต์ยังไม่เพียงพอ มากกว่าปัญหาเศรษฐกิจโลกถดถอย" นายสุรพงษ กล่าว
ด้านยอดการผลิตรถยนต์ทั้งหมดในเดือน ม.ค. 2566 มีทั้งสิ้น 157,844 คัน เพิ่มขึ้น 4.02% จากเดือนม.ค.2665 จากการได้รับชิ้นส่วนชิปเพิ่มขึ้น จึงผลิตรถยนต์นั่งเพื่อส่งออก ได้เพิ่มขึ้น 32.57% ผลิตขายในประเทศ เพิ่มขึ้น 0.69% และผลิตรถกระบะขายในประเทศเพิ่มขึ้น 1.15%
สำหรับยอดขายรถยนต์ภายในประเทศของเดือน ม.ค. 2566 มีจำนวนทั้งสิ้น 65,579 คัน ลดลงจากเดือนเดียวกันปีก่อน 5.58% ลดลงเพราะผลิตเพื่อจำหน่ายในประเทศลดลงจากการขาดชิ้นส่วนเซมิคอนดักเตอร์ในรถยนต์บางรุ่น จึงผลิตรถยนต์บางรุ่นได้น้อยไม่พอส่งมอบให้ลูกค้า
อย่างไรก็ตามสำหรับการผลิตรถยนต์ในปัจจุบัน นอกจากต้นทุนทางด้านชิ้นส่วน ปัญหาการขาดแคลนชิปทำให้มีราคาสูง ยังมีผลกระทบจากราคาค่าพลังงาน โดยเฉพาะค่าไฟที่สูงขึ้นด้วย ทำให้คาดว่าราคารถยต์อาจจะมีการทยอยปรับขึ้นได้ ตามต้นทุนที่สูงขึ้น ซึ่งบริษัทต่างๆคงมีกลยุทธ์การส่งเสริมการขายอื่นๆออกมาเพื่อไม่ให้ผู้บริโภคได้รับผลกระทบมากนัก