รศ.ดร.อัทธ์ พิศาลวานิช ผู้อำนวยการศูนย์ศึกษาการค้าระหว่างประเทศ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย เปิดเผยว่า ทิศทางแนวโน้มการส่งออกไทยไปตลาดจีนปี 2566 หลังจีนเปิดประเทศ และยกเลิกมาตรการ ซีโร่โควิด ระบุว่า จากที่ปี 2566 จีนตั้งเป้าการขยายตัวทางเศรษฐกิจไว้ที่ 5%
ซึ่งสะท้อนว่าการบริโภคภายในประเทศ โรงงานการผลิต ต้องขยายตัวกว่าปี 2565 ประกอบกับการเปิดประเทศของจีนจากนโยบายโควิดเป็นศูนย์ ทั้ง ขาเข้าและขาออกจะทำให้เศรษฐกิจภายในจีนคึกคัก ประเมินว่าส่งออกไทยไปจีนในปี 2566 จะขยายตัว 0.5-1% หรือมีมูลค่า 35,136-36,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
“ปัจจัยบวก-ปัจจัยลบที่เป็นตัวแปรต่อการขยายตัวของการค้าไทย-จีนปี 2566 ปัจจัยบวกโดยรวมคือ จากการเปิดประเทศจากผ่อนคลายนโยบายโควิดเป็นศูนย์ และเศรษฐกิจจีนขยายตัวมากกว่าปี 2565"
ส่วนปัจจัยลบคือ จำนวนคนจีนติดโควิดในจีนสูงโดย Institute of Health Metrics and Evaluation (IHME) ของสหรัฐฯ ประเมินว่าต้นเดือนเมษายน 2566 คนจีนเสียชีวิตจากโควิด 3 แสนคน
ขณะที่ University of Hong Kong ประเมินว่า คนจีนเสียชีวิต 684 คนต่อ 1ล้านคน นั้นแสดงว่า ทั้งปี 2566 คนจีนเสียชีวิต 1 ล้านคน และ the School of Public Health at Fudan University in Shanghai ประเมินว่าคนจีนเสียชีวิต 1.5 ล้านคนใน 6 เดือนข้างหน้า
ทั้งนี้หากประเมินตามข้อมูลดังกล่าว มีโอกาสที่เศรษฐกิจจีนไม่สามารถโตถึงเป้า 5% ทำให้การบริโภค การลงทุน การส่งออกและนำเข้าชะลอตัวลง
อย่างไรก็ดี สินค้าส่งออกไทยไปจีนที่คาดจะยังขยายตัวในปี 2566 อยู่ในกลุ่มสินค้าเกษตร ได้แก่ ทุเรียน และผลไม้ชนิดอื่น และกลุ่มเกษตรแปรรูป เช่น มะม่วงอบแห้ง ผลไม้อบแห้ง กลุ่มอาหารสุขภาพ และอาหารแห่งอนาคต (Future Food) กลุ่มสินค้าที่มีมาตรฐาน GAP และ GMP กลุ่มสินค้าที่แพ็กเกจจิ้งสวยงาม สีสัน ตามเทรนน์ของโลก
ขณะที่สินค้าที่ต้องจับตามองและอาจจะได้รับผลกระทบคือ กลุ่มสินค้าอุตสาหกรรมที่ไทยอยู่ในห่วงโซ่การผลิตของจีนกับสหรัฐฯ ที่จะทำให้ถูกแยกส่วนออกมา (Decoupling) ซึ่งเป็นกลุ่มอุตสาหกรรมเสี่ยง เช่น ก่อสร้าง โครงสร้างพื้นฐาน เสื้อผ้า รองเท้า อาหารทะเล รถยนต์ การขนส่ง เหล็ก และเครื่องจักร เป็นต้น
ที่มา : มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย