หอการค้าไทยคาด 'เลือกตั้ง' เงินสะพัด 5 หมื่นล้าน
ศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ ม.หอการค้าไทย เผยดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนธันวาคม ปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 สูงสุดในรอบ 25 เดือน หลังจากการท่องเที่ยวฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจน ประเมินจีดีพีปีนี้โตได้ใกล้เคียง 4%
อธิการบดีและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจและธุรกิจ มหาวิทยาลัยหอการค้าไทย ธนวรรธน์ พลวิชัย ระบุ ประเมินว่าช่วงครึ่งปีแรกเป็นช่วงความเสี่ยงเศรษฐกิจโลกถดถอย เศรษฐกิจไทยจะเริ่มฟื้นตัวอย่างชัดเจนในครึ่งปีหลัง จีดีพีไทยจะโตได้ 3.5-4% จุดสำคัญที่เป็นตัวทำให้เศรษฐกิจมีสัญญาณดีขึ้นจากการมีนักท่องเที่ยวจีนเข้ามาเร็วกว่าที่คาดไว้ จึงมองว่าตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนและนักท่องเที่ยวโดยรวมจะต้องประเมินอีกครั้งในไตรมาสที่ 1 พร้อมกับบรรยากาศเศรษฐกิจโลก หลังจากแรงกดดันเงินเฟ้อของสหรัฐฯเริ่มลดลง การปรับขึ้นดอกเบี้ยอาจจะไม่ถี่หรือมากเหมือนที่ผ่านมา หากสถานการณ์เงินเฟ้อที่คุมอยู่และราคาน้ำมันไม่แพงเกินไปอยู่ที่ 75-85 ดอลลาร์ต่อบาร์เรล จะช่วยผ่อนคลายบรรยากาศเศรษฐกิจโลกไม่ให้ทรุดตัวรุนแรง ทำให้การส่งออกของไทยขยายตัวได้ 1-2%
นอกจากนี้ ประเมินว่าเลือกตั้งใหญ่ในปีนี้จะทำให้เกิดเงินสะพัดในระบบเศรษฐกิจ 4-5 หมื่นล้านบาท ซึ่งจะกระตุ้นเศรษฐกิจให้คึกคักมากขึ้น รวมถึงจำนวนนักท่องเที่ยวที่เข้ามามากขึ้นช่วยหนุนให้เศรษฐกิจไทยโตได้ใกล้เคียง 4%
สำหรับดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคเดือน ธ.ค. 2565 ปรับตัวดีขึ้นจากระดับ 47.9 เป็น 49.7 ซึ่งเป็นการปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 7 และอยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 25 เดือน เนื่องจากผู้บริโภครู้สึกว่าเศรษฐกิจเริ่มปรับตัวดีขึ้นหลังจากที่การท่องเที่ยวฟื้นตัวขึ้นอย่างชัดเจนทั้งการท่องเที่ยวของคนไทยและนักท่องเที่ยวต่างชาติ รวมถึงสถานการณ์โควิดในประเทศที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดเม็ดเงินหมุนเวียนในประเทศมากขึ้นและกิจกรรมทางเศรษฐกิจในภูมิภาคต่างๆ ปรับตัวดีขึ้น ประกอบกับราคาน้ำมันเบนซินปรับตัวลดลงอย่างมากจากช่วงครึ่งปีแรกทำให้ประชาชนรู้สึกผ่อนคลายเรื่องค่าครองชีพลง ส่งผลให้ความเชื่อมั่นของผู้บริโภคทุกรายการปรับตัวดีขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ
ทั้งนี้ ดัชนีความเชื่อมั่นของผู้บริโภคปรับตัวดีขึ้นต่อเนื่องทุกรายการ ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่ดีที่แสดงให้เห็นว่าผู้บริโภคเริ่มกลับมาเชื่อมั่นว่าเศรษฐกิจเริ่มกลับมาฟื้นตัวขึ้น และจะเริ่มจับจ่ายใช้สอยเพิ่มมากขึ้นเป็นลำดับในไตรมาสแรกของปีนี้
อย่างไรก็ตาม ผู้บริโภคยังคงมีความกังวลเกี่ยวกับค่าครองชีพที่ปรับตัวสูงขึ้นรวมถึงความกังวลอย่างมากเกี่ยวกับสถานการณ์สงครามระหว่างรัสเซียและยูเครน ตลอดจนการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเพื่อแก้ไขปัญหาเงินเฟ้อของประเทศต่างๆ ทั่วโลก ที่อาจเป็นปัจจัยที่เพิ่มแรงกดดันของการฟื้นตัวของระบบเศรษฐกิจโลกเข้าสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอย