10 ม.ค.2566 นายอนุชา บูรพชัยศรี รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติหน้าที่โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ที่ประชุม คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเห็นชอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 จำนวน 3,350,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากพระราชบัญญัติงบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณพ.ศ. 2566 ที่กำหนดไว้ที่ 3,185,000 ล้านบาท เป็นจำนวน 165 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 5.18 %
สำหรับ สาระสำคัญงบประมาณรายจ่าย ประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ดังนี้
1. โครงสร้างงบประมาณรายจ่าย ประกอบด้วย
- รายจ่ายประจำ จำนวน 2,508,990.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 จำนวน 106,451.2 ล้านบาท
หรือเพิ่มขึ้น 4.43% คิดเป็นสัดส่วนถึง 74.89% ของงบประมาณรวม
- รายจ่ายเพื่อชดใช้เงินคงค้าง จำนวน 33,759.1 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 ซึ่งไม่มีการเสนอตั้งงบ
ประมาณ คิดเป็นสัดส่วน 1.01% ของงบประมาณรวม
- รายจ่ายลงทุนจำนวน 690,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 จำนวน 520.1 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น
0.08% คิดเป็นสัดส่วน 20.60% ของงบประมาณรวม
- รายจ่ายชำระคืนเงินต้น จำนวน 117,250 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ 2566 จำนวน 17,250 ล้านบาท
หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 17.25 คิดเป็นสัดส่วน 3.50% ของวงเงินงบประมาณรวม
2. รายได้สุทธิ จำนวน 2,757,000 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 จำนวน 267,000 ล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 10.72%
3. งบประมาณขาดดุล จำนวน 593,000 ล้านบาท ลดลงจากปีงบประมาณ พ.ศ. 2566 จำนวน 102,000 ล้านบาท หรือลดลง 14.68% และ คิดเป็นสัดส่วน 3.00% ของผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ
ทั้งนี้วงเงินงบประมาณรายจ่าย จำนวน 3,350,000 ล้านบาท เท่ากับ กรอบวงเงินตามแผนการคลังระยะปานกลาง
(ปีงบประมาณ 2567 - 2570) ที่คณะรัฐมนตรี ได้มีมติเห็นชอบเมื่อวันที่ 27 ธันวาคม 2565 สำหรับงบประมาณรายจ่ายงบลงทุน และ งบประมาณรายจ่ายชำระเงินคืนต้นเงินกู้ มีสัดส่วนอยู่ภายในกรอบที่กำหนดตามพระราชบัญญัติวินัยการเงินการคลังของรัฐบาลพ.ศ. 2561
ทั้งนี้หน่วยรับงบประมาณ จะส่งรายละเอียดคำของบประมาณฯ ให้สำนักงบประมาณภายในวันที่ 27 มกราคม 2566 เพื่อพิจารณาต่อไป