svasdssvasds
เนชั่นทีวี

เศรษฐกิจ

"บิ๊กตู่" สั่งเกาะติดราคาพลังงาน ย้ำประชาชนเดือดร้อนน้อยสุด

25 ธันวาคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

นายกฯ กำชับหน่วยงานเกี่ยวข้อง ติดตามสถานการณ์ราคาพลังงานอย่างใกล้ชิด  แม้ราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกปรับตัวลง แต่ผันผวนสูงจากสงครามรัสเซีย-ยูเครนยืดเยื้อ ย้ำประชาชนต้องเดือดร้อนน้อยที่สุด

นายธนกร วังบุญคงชนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ติดตามสถานการณ์พลังงานไทยและโลกอย่างใกล้ชิด

 แม้ว่าราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกเริ่มปรับตัวลดลง แต่ยังคงมีความผันผวนสูง ทั้งจากการสู้รบระหว่างรัสเซีย-ยูเครนที่ยืดเยื้อ รวมทั้งการคาดการณ์ประเทศเศรษฐกิจชั้นนำของโลกที่มีแนวโน้มถดถอย ขณะที่ไทยยังสามารถเติบโตต่อเนื่อง

นอกจากนี้ได้ขอให้กระทรวงพลังงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง วางแผนบริหารจัดการพลังงานภายในประเทศอย่างสมดุล ต้องไม่ให้เกิดการขาดแคลนพลังงาน

รวมทั้งราคาน้ำมัน ก๊าซ ไฟฟ้าในประเทศต้องไม่กระทบต่อต้นทุนภาคการผลิตและการบริการ ที่สำคัญต้องไม่เป็นภาระค่าครองชีพ ประชาชนต้องเดือดร้อนน้อยที่สุด

ขณะเดียวกัน รัฐบาลเดินหน้าส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อให้ไทยเป็นศูนย์กลางการผลิตอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้าและชิ้นส่วนที่สำคัญของโลก  โดยคณะกรรมการนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติได้ส่งเสริมยานยนต์ไฟฟ้า

ตามนโยบาย (email protected)  คือ การตั้งเป้าผลิตรถ ZEV (Zero Emission Vehicle) หรือรถยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ ให้ได้อย่างน้อย 30% ของการผลิตยานยนต์ทั้งหมดในปี 2573 รวมถึงการส่งเสริมการผลิตรถสามล้อ เรือโดยสาร และรถไฟระบบรางอีกด้วย

ทั้งนี้ รัฐบาลส่งเสริมให้ประชาชนหันมาใช้ยานยนต์ไฟฟ้าและเชื้อเพลิงชีวภาพ ส่งเสริมการลงทุนที่เกี่ยวข้องกับยานยนต์ไฟฟ้า เพื่อพัฒนาขีดความสามารถของผู้ผลิตในประเทศ และสร้างความพร้อม ด้านโครงสร้างพื้นฐานในอนาคต

โดยให้สิทธิประโยชน์ทางภาษี ลดภาษีประจำปีสำหรับรถยนต์ขับเคลื่อนด้วยพลังงานไฟฟ้า (BEV) ลง 80% เป็นระยะเวลา 1 ปี นับตั้งแต่จดทะเบียน มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 9 พ.ย. 65

นอกจากนี้ได้ปรับลดภาษีประจำปี สำหรับรถยนต์รับจ้าง (แท็กซี่) รถยนต์สามล้อรับจ้าง รถ ยนต์สี่ล้อเล็กรับจ้าง และรถจักรยานยนต์สาธารณะ ที่ครบกำหนดเสียภาษีประจำปี ระหว่างวันที่ 1 ต.ค. 65 – 30 ก.ย. 66 ให้ปรับลดภาษีลง 90% มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 9 พ.ย.ที่ผ่านมา

ขณะเดียวกัน ครม. เห็นชอบการใช้มาตรการภาษี และมาตรการที่ไม่ใช่ภาษี เพื่อสร้างแรงจูงใจและดึงดูดการลงทุนในอุตสาหกรรมยานยนต์ไฟฟ้า ทั้งผู้ประกอบการไทยและต่างประเทศ กระตุ้นให้เกิดการเร่งผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศ

โดย 2 ปีแรก (ปี 65 – 66) เน้นสร้างแรงจูงใจให้เกิดการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในประเทศอย่างกว้างขวางโดยเร็ว ครอบคลุมทั้งการนำเข้ารถยนต์ รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าสำเร็จรูปทั้งคัน (CBU) และกรณีรถยนต์

รถยนต์กระบะ รถจักรยานยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในประเทศ (CKD) ด้วยการยกเว้นหรือลดอากรนำเข้า ลดอัตราภาษีสรรพสามิต

รวมทั้งให้เงินอุดหนุนตามเงื่อนไขที่กำหนด และช่วง 2 ปีถัดไป (ปี 67 – 68) ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าที่ผลิตในประเทศเป็นหลัก ยกเลิกการยกเว้น ลดอากรนำเข้ารถยนต์สำเร็จรูปทั้งคัน (CBU) แต่ยังคงมาตรการลดอัตราภาษีสรรพสามิต หรือให้เงินอุดหนุนตามเงื่อนไขที่กำหนด

ทั้งนี้รัฐบาลมั่นใจว่า มาตรการต่างๆ จะช่วยส่งเสริมการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าในภาพรวม ปรับเปลี่ยนอุตสาหกรรมยานยนต์ไทย ทำให้ยังสามารถเป็นฐานการผลิตของภูมิภาครองรับความต้องการยานยนต์ไฟฟ้าที่มีแนวโน้มเติบโตทั่วโลกด้วย

logoline