svasdssvasds
เนชั่นทีวี

ตรวจแถวการเมือง

"โพลรัฐบาล" สะกิดความนิยม"นายกฯลุงตู่" เปิดความจริงที่ต้องยอมรับให้ไหว

08 ธันวาคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"โพลรัฐบาล"กับการตั้งคำถาม ประชาชนอยากได้"ของขวัญปีใหม่"อะไรบ้าง แต่ทว่า "ผลโพล" ที่ออกมา ดูจะไม่เป็นที่อภิรมย์ สำหรับ"รัฐบาลลุงตู่" โดยเฉพาะกับสถานการณ์เลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง

 

รัฐบาล"พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา"กำลังใกล้สิ้นสุดวาระการบริหารประเทศ ในอีก 3 เดือนข้างหน้า หรือถ้าจะให้วงปฏิทินตรงกับวันที่ 23 มีนาคม 2566  จากนั้น "นายกฯลุงตู่"  ต้องออกพระราชกฤษฏีกา"ยุบสภา" จัดการเลือกตั้งใหม่  แต่ขึ้นอยู่ว่า "นายกฯลุงตู่" จะประกาศเร็วก่อนกำหนดครบวาระ หรือครบวาระแล้วประกาศ ตรงนี้ต้องจับตามองความเคลื่อนไหว "นายกฯประยุทธ์" อย่างไม่กระพริบ 

 

แม้จะประกาศก่อนหรือหลัง ถึงอย่างไร "นายกฯ" ต้องยุบสภาฯ จัดให้มีการเลือกตั้งอยู่ดี จึงทำให้ บรรดานักเลือกตั้งทั้งหลายไม่รอแล้ว ต่างเดินสายหาเสียงสะสมความนิยมกันล่วงหน้าไประยะหนึ่งแล้ว  

 

เช่นเดียวกับ ฟากของผู้มีอำนาจรัฐอยู่ในมือ ถือว่าได้เปรียบกว่าใครเพื่อน ทั้งเครื่องไม้เครื่องมือ กลไกราชการ ที่จะเข้ามาอำนวยความสะดวกให้ฝ่ายรัฐบาลทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยเฉพาะกับการออกแบบสำรวจความนิยม หรือ ที่เรียกกันว่า "โพล" ไม่ว่าเป็นโพลสันติบาล  โพลข่าวกรอง โพลมหาดไทย  โพลทางลับ ฯลฯ

 

หรือแม้แต่ "โพลรัฐบาล" ที่กระทำอย่างเปิดเผย ผ่านกลไกราชการ อย่างสำนักงานสถิติแห่งชาติ ซึ่งอยู่ภายใต้สังกัดกระทรวงดิจิทัล ที่มี "ชัยวุฒิ  ธนาคมานุสรณ์" เป็นรมว.ดิจิทัลอยู่ในขณะนี้ ได้ทำการสำรวจความพึงพอใจประชาชนต่อรัฐบาล มาอย่างต่อเนื่อง เพื่อใช้เป็นข้อมูลประกอบการผลักดันนโยบายการบริหารภาครัฐ 

 

 

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงการทำงานของรัฐบาลใกล้ครบวาระ กอปรกับใกล้ถึงสิ้นปี 2565 เข้าสู่ปีใหม่ 2566  จึงช่างเป็นจังหวะประเหมาะพอดีในการออกแบบโพล ด้วยการตั้งประเด็นคำถาม สำรวจความต้องการประชาชน อยากได้ของขวัญปีใหม่จากรัฐบาลอะไรบ้าง เพื่อนำผลสำรวจดังกล่าวมาประมวลออกมา ตอบความต้องการประชาชนให้ตรงจุด  

 

พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เมื่อครั้งลงพื้นที่ติดตามการแก้ไขปัญหาแฟลตการเคหะ คลองจั่น กทม.

 

ปรากฎว่า "โพลรัฐบาล" ในเรื่องดังกล่าวได้มีการนำเสนอผ่านที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) เมื่อวันที่ 6  ธันวาคม 2565  ที่ผ่านมา แต่น่าเสียดายว่า ทีมโฆษกรัฐบาล หรือแม้แต่  ระดับ"บิ๊กรัฐบาล" อย่าง"พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา" ไม่พูดถึงหรือแม้แต่หยิบยกมาแถลงให้สาธารณชนทราบ  

 

 

ไล่เลียงดู"โพลรัฐบาล"ฉบับล่าสุดกันสักหน่อย เกิดอะไรขึ้น เป็นเพราะด้วยเหตุผลกลใด จึงกลายสภาพเป็น "โพลเงียบ"  

 

การประชุมครม.เมื่อวันที่ 6 ธันวาคม 2565  กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดศ.) (สำนักงานสถิติแห่งชาติ) เสนอ ผลการสำรวจความต้องการของประชาชน พ.ศ. 2566 (ของขวัญปีใหม่ที่ต้องการจากรัฐบาล)  ทั้งนี้ เป็นการดำเนินการตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อวันที่ 17 มิถุนายน 2545 ที่ให้สำนักงานสถิติแห่งชาติจัดเก็บข้อมูลและสถิติตัวเลข รวมทั้งสำรวจและสอบถามประชาชนเกี่ยวกับนโยบายหลัก ๆ ของรัฐบาลแล้วรายงานคณะรัฐมนตรีทราบ โดยเป็นการสัมภาษณ์สมาชิกในครัวเรือนที่มีอายุตั้งแต่ 15 ปีขึ้นไป จำนวน 6,970 ราย ระหว่างวันที่ 17-31 ตุลาคม 2565 สาระสำคัญสรุปได้ ดังนี้

 

1. เรื่องที่ประชาชนต้องการให้รัฐบาลดำเนินการช่วยเหลือเร่งด่วนเพื่อเป็นขวัญปีใหม่ในปี 2566 มากที่สุด 5 อันดับแรก ได้แก่

 

(1) ควบคุมราคาสินค้าอุปโภค-บริโภค (91.1%)

(2) ลดค่าไฟฟ้า/ค่าน้ำประปา  ( 67%)

(3) แก้ปัญหาด้านการเกษตร เช่น ราคาพืชตกต่ำ จัดหาตลาดรองรับผลผลิต และราคาปุ๋ยแพง   (30%)

(4) แก้ปัญหาการว่างงาน ( 23.4%)

(5) เพิ่มมาตรการ,สวัสดิการ,เงินช่วยเหลือเยียวยา เช่น โครงการคนละครึ่ง เพิ่มเงินผู้มีรายได้น้อย และเพิ่มเบี้ยยังชีพคนชรา,ผู้พิการ

 

"โพลรัฐบาล" สะกิดความนิยม"นายกฯลุงตู่" เปิดความจริงที่ต้องยอมรับให้ไหว

 

2. มาตรการ,โครงการที่เกิดประโยชน์ต่อประชาชนในชุมชน , หมู่บ้านมากที่สุด ได้แก่ 

 

(1) โครงการคนละครึ่ง ( 75.8%)

(2) โครงการบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ (69.9% )

(3) มาตรการลดค่าไฟฟ้า (59.2% )

(4) โครงการเราชนะ (25.1%)

และ (5) โครงการ ม.33 เรารักกัน ( 14.8% )

 

ผลสำรวจความต้องการของขวัญปีใหม่ที่ประชาชนอยากได้ข้างต้น สะท้อนให้เห็นถึงการที่ประชาชนอยากให้รัฐบาลแก้ปัญหาปากท้อง ปัญหาค่าครองชีพมากที่สุด ผ่านการออกนโยบาย หรือมาตรการ ชนิดที่เรียกได้ใจประชาชน

 

อย่าง "โครงการคนละครึ่ง"  ที่เริ่มนำออกมาใช้ หลังประเทศไทยเผชิญสถานการณ์โควิด ส่งผลกระทบต่อชีวิตความเป็นอยู่พี่น้องประชาชนถ้วนหน้า  จนมีความพยายามออกโครงการนี้มาถึงเฟส 5  และกำลังจับตาจะมีเฟส 6 อีกหรือไม่ในช่วงปลายปีนี้ 

"โพลรัฐบาล" สะกิดความนิยม"นายกฯลุงตู่" เปิดความจริงที่ต้องยอมรับให้ไหว

แต่ทว่า การผลิตนโยบายที่อาจไม่ต่างกับนโยบายประชานิยมสักเท่าใดนัก ล้วนต้องแลกกับการสูญเสียงบประมาณ เข้าไปสนับสนุนกว่า " 2 แสนล้านบาท" โดยงบประมาณดังกล่าวอยู่ภายใต้พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท และพ.ร.ก.กู้เงินเพิ่มเติม 5 แสนล้านบาท   

 

"โพลรัฐบาล" สะกิดความนิยม"นายกฯลุงตู่" เปิดความจริงที่ต้องยอมรับให้ไหว

ผลสำรวจ"ของขวัญปีใหม่"จากรัฐบาลครั้งนี้ หากกล่าวกันตามประสาทางการเมือง ก็คือ ต้องการตรวจเช็กนโยบาย"พรรคพลังประชารัฐ" ที่ประกาศออกมา ยังตอบโจทก์ ยิงตรงจุด เพราะนอกจาก "โครงการคนละครึ่ง" ที่ออกมาในช่วงการแพร่ระบาดโควิด  ยังมีโครงการ"บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ" ซึ่งปฏิเสธไม่ได้ว่าได้กำหนดไว้ในโยบายพรรคพลังประชารัฐก่อนมีการเลือกตั้งเมื่อปี 2562  

 

แต่อย่างไรก็ดี เมื่อตรวจสอบ"โพลรัฐบาล" ในหัวข้อถัดไป เริ่มมีประเด็นให้ชวนวิเคราะห์สถานการณ์ทางการเมืองมากขึ้น เพราะในการออกแบบผลสำรวจครั้งนี้ไม่ได้ตั้งคำถามอยากได้ของขวัญปีใหม่อะไรบ้างเท่านั้น หากแต่ยังพ่วงการตั้งคำถามความพึงพอใจต่อการบริหารงานรัฐบาลที่ผ่านมา โดยปรากฎอยู่ในหัวข้อที่  3  

 

 

 

พบว่า ประชาชนมีความพึงพอใจในระดับมาก-มากที่สุด 42.1 % แบ่งเป็นพึงพอใจมากที่สุด 7.7 %  และพึงพอใจมาก  34.4 % ระดับปานกลาง  41%ระดับน้อย-น้อยที่สุด  14.7 % แบ่งเป็น พึงพอใจน้อย 11.8 % และพึงพอใจน้อยที่สุด  2.9 %และไม่พึงพอใจ 2.2 % 

 

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาเป็นรายภาค พบว่า ประชาชนในภาคใต้มีความพึงพอใจในระดับมาก-มากที่สุดในสัดส่วนที่สูงกว่าภาคอื่น ( 62.2 %) ขณะที่ประชาชนในกรุงเทพมหานครมีความพึงพอใจ ในระดับมาก-มากที่สุดในสัดส่วนที่ต่ำกว่าภาคอื่น ( 22.2% )

 

นอกจากนี้ ประชาชนที่มีอายุมากกว่า  40 ปี มีความพึงพอใจในระดับมาก-มากที่สุดในสัดส่วนที่สูงกว่าผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 40 ปี เช่นเดียวกับกลุ่มอาชีพเกษตรกรและกลุ่มอาชีพอื่น ๆ ได้แก่ พ่อบ้าน แม่บ้าน ผู้เกษียณอายุ นักเรียน นักศึกษา และผู้ว่างงาน มีความเชื่อมั่นในระดับมาก-มากที่สุดในสัดส่วนที่สูงกว่ากลุ่มอาชีพอื่น

 

"โพลรัฐบาล" สะกิดความนิยม"นายกฯลุงตู่" เปิดความจริงที่ต้องยอมรับให้ไหว

 

ขณะที่ หัวข้อที่ 4. ความเชื่อมั่นต่อการดำเนินงานของรัฐบาลในการแก้ปัญหาเศรษฐกิจของประเทศ   

 

โดยประชาชนมีความเชื่อมั่นในระดับมาก-มากที่สุด (35.4 %) แบ่งเป็นเชื่อมั่นมากที่สุด  5.8 % และเชื่อมั่นมาก  29.6%  ระดับปานกลาง  40.8% ระดับน้อย-น้อยที่สุด 20.6 %  แบ่งเป็น เชื่อมั่นน้อย 15.7 % และเชื่อมั่นน้อยที่สุด 4.9%  และไม่เชื่อมั่น  3.2% 

 

ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาเป็นรายภาค พบว่า ประชาชนในภาคใต้ มีความเชื่อมั่นในระดับมาก-มากที่สุดในสัดส่วนที่สูงกว่าคนอื่น ( 54.8% ) ขณะที่ประชาชนในกรุงเทพมหานคร มีความเชื่อมั่นในระดับมาก-มากที่สุดในสัดส่วนที่ต่ำกว่าภาคอื่น ( 19 %)

 

นอกจากนี้ ประชาชนที่มีอายุมากกว่า 40 ปี มีความเชื่อมั่นในระดับมาก-มากที่สุดในสัดส่วนที่สูงกว่าผู้ที่มีอายุน้อยกว่า 40 ปี เช่นเดียวกับกลุ่มอาชีพเกษตรกรและกลุ่มอาชีพอื่น ๆ ได้แก่ พ่อบ้าน แม่บ้าน ผู้เกษียณอายุ นักเรียน นักศึกษา และ  ผู้ว่างงาน มีความพึงพอใจในระดับมาก-มากที่สุดในสัดส่วนที่สูงกว่ากลุ่มอาชีพอื่น

 

"โพลรัฐบาล" ในส่วนของการสอบถามความพึงพอใจการบริหารงานรัฐบาล"ลุงตู่" เปรียบกับการให้คะแนนสอบ ถือว่าอยู่ในระดับคาบลูกคาบดอก พร้อมที่จะเอนไปทางอาจสอบไม่ผ่านในสายตาประชาชน 

 

(อีกทั้งจำแนกกลุ่มคนช่วงระหว่างวัย จริงอยู่ที่คนวัยมากกว่า 40 ปี ยังนิยมรัฐบาลลุงตู่สูงอยู่ ขณะที่ วัยต่ำกว่า 40 ปี ลงมาให้ความนิยมน้อยลงแล้ว ก็ตาม )  

 

พล.อ.ประยุทธ์  จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ประกาศจะไปต่อทางการเมืองอีก 2 ปี

 

แต่อีกประเด็นที่สามารถนำไปทาบทับกับกิจกรรมการลงพื้นที่ในเชิงยุทธศาสตร์การเลือกตั้ง ก็คงเป็นกรณีการสอบถามความนิยมระดับพื้นที่ พบว่า ความนิยมนายกฯลุงตู่ ในพื้นที่ภาคใต้ ยังอยู่ในระดับสูง ขณะที่ พื้นที่กทม. ตกต่ำกว่าภาคอื่นๆ สอดคล้องกับ"โพล"ของสถาบันอุดมศึกษาต่างๆ ที่ออกมาอยู่เหมือนกัน 

 

ผลสำรวจออกมาประการฉะนี้ คงจะสรรหาข้ออ้างหรือปฏิเสธไม่ได้อีก แต่ต้องยอมรับความจริง เพื่อปรับปรุงและแก้ไขเติมเต็มในสิ่งที่ขาดหาย โดยเฉพาะกับการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง หากยังต้องการกลับมาเป็นรัฐบาล   

 

เพราะนี่คือ "โพลรัฐบาล" เป็นความจริงที่ต้องยอมรับมันให้ไหว 

logoline