svasdssvasds
เนชั่นทีวี

คอลัมนิสต์

แฉเล่ห์กลโกงแวดวง"คริปโตเคอร์เรนซี" พร้อมร่วมวิเคราะห์ผลกระทบ"Zipmex"

24 กรกฎาคม 2565
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

รศ. ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ ชวน วิเคราะห์ กรณี "Zipmex" การประเมินความเสียหาย ความหละหลวมการกำกับและผลกระทบ อนาคตคริปโตเคอร์เรนซีสั่นคลอน กับการเปิดกลโกงแวดวง"คริปโตเคอร์เรนซี" หลากรูปแบบ

 

รศ. ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สภาวิจัยแห่งชาติ สาขาเศรษฐศาสตร์ และ อดีตกรรมการตรวจสอบ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวถึง กรณี การประกาศระงับการถอนเงินของนักลงทุนของ Zipmex และผลกระทบจากการขาดสภาพคล่องของธุรกิจซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัล ว่า จะส่งผลกระทบต่อตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลในไทยโดยรวม ส่งผลต่อความน่าเชื่อถือของการลงทุนสินทรัพย์ดิจิทัล และอาจลามถึงฟินเทคสตาร์อัพทั้งหลาย ฉะนั้น ต้องเร่งแก้ไขปัญหาความเสียหายของนักลงทุน กำกับดูแลตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลให้ดีขึ้น

 

แน่นอนว่า ผลกระทบที่เกิดขึ้นเกิดจากอุตสาหกรรมสินทรัพย์การลงทุนดิจิทัลโลกฟองสบู่แตกและเข้าสู่ภาวะขาลง ภาวะดังกล่าวจะยังคงดำรงอยู่อย่างยาวนานจนกว่ากลไกราคาจะปรับสมดุลได้ การขายกิจการและการเปลี่ยนเจ้าของและผู้ถือหุ้นจะเกิดเพิ่มขึ้นพร้อมกับการลดขนาดองค์กรและปลดคนออกจากงาน

 

ตอนนี้อาจต้องจับตาผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นกับตลาดซื้อขายสินทรัพย์การลงทุนดิจิทัลขนาดใหญ่อย่าง Binance เนื่องจากเป็นบริษัทที่มีบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ไทยเข้าร่วมลงทุนอยู่ด้วย อย่างไรก็ตาม ความเสียหายในระดับพันล้านบาทยังไม่ส่งผลรุนแรงต่อตลาดการลงทุนในสินทรัพย์ทางการเงินโดยรวม

 

ขณะเดียวกัน เม็ดเงินจำนวนหนึ่งที่เคยลงทุนในตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลน่าจะไหลมาลงทุนในตลาดหุ้นและตลาดตราสารหนี้ซึ่งมีความน่าเชื่อถือมากกว่า ความเสี่ยงต่ำกว่าแทนโดยเฉพาะในยุคอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น

 

โดยกรณี Zipmex น่าจะเป็นเพียงสัญญาณแรกอันเป็นผลจากปฏิกิริยาลูกโซ่จากการร่วงลงอย่างแรกของคริปโตเคอร์เรนซี่ ทิศทางอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น ทำให้บริษัทซื้อขายคริปโตจำนวนหนึ่งล้มละลาย ปิดกิจการและขาดสภาพคล่อง

 

อย่างกรณีของ บาเบลไฟแนนซ์ และ เซลเซียส เน็ตเวิร์ก สองบริษัทล้มละลายและขาดสภาพคล่อง จึงส่งผลกระทบต่อ Zipmex Global และคาดว่า นักลงทุนผู้เสียหาย คาดว่ากรณี Zipmex จะส่งผลให้ดีลการซื้อ Bitkub ของ SCBx

 

นอกจากนี้ มีบริษัทจดทะเบียนเพียง 3 แห่งเท่านั้นที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากการลงทุนใน Zipmex บริษัท แพลน บี มีเดีย (70 ล้านบาท) บริษัท มาสเตอร์แอด (197 ล้านบาท) ธนาคารกรุงศรีอยุธยา (1% ของทุนจดทะเบียน Zipmex) แม้นตลาดคริปโตฯจะเข้าสู่ภาวะขาลง แต่ศูนย์ซื้อขายหลักทรัพย์ดิจิทัลในหลายประเทศรวมทั้งไทยก็ยังมีโอกาสกลับมาเติบโตได้อีกในอนาคต อาจเป็นอนาคตที่ตั้งรอกันยาว อย่างน้อย 2-3 ปี 


รศ. ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการตรวจสอบ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวย้ำเพิ่มเติมว่า  สิ่งที่ทางการ (กลต) ต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน คือ การไปตรวจสอบ บริษัทที่ทำการซื้อขายสินทรัพย์ดิจิทัลแต่ละแห่งว่า ยังคงมี Digital Assets อยู่ครบหรือไม่ มีการยักย้ายถ่ายเทไปที่ไหนหรือไม่ หรือ เอาไปลงทุนต่อหรือไปฝากเพื่อให้ได้ผลตอบแทนที่ไหนหรือไม่

 

การดำเนินการดังกล่าวได้รับความยินยอมจากนักลงทุนผู้เป็นเจ้าของสินทรัพย์ดิจิทัลเหล่านั้นหรือไม่ ตามเงื่อนไขของ กลต นั้น มีความชัดเจนอยู่แล้วว่า ห้ามนำเงินลงทุนหรือทรัพย์สินของลูกค้าไปหาประโยชน์อื่น แนวทางกำกับดูแลสินทรัพย์ดิจิทัลอาจต้องมีการปรับและตอบสนองต่อนวัตกรรมการลงทุนของสินทรัพย์ดิจิทัลมากขึ้นเพื่อคุ้มครองนักลงทุน เพื่อธุรกิจสามารถระดมทุนได้อย่างมีประสิทธิภาพและปลอดภัย เพื่อการพัฒนาธุรกิจอุตสาหกรรมดังกล่าว

 

สินทรัพย์ดิจิทัลซึ่งมีอยู่สองประเภทใหญ่ คือ คริปโตเคอร์เรนซี และ โทเคนดิจิทัล ในส่วนของโทเคนดิจิทัล (Digital Token) แบ่งย่อยออกเป็น Investment Token ให้สิทธิในการเข้าร่วมลงทุนในโครงการหรือกิจการใดๆ และ Utility Token ให้สิทธิแก่ผู้ถือในการได้มาซึ่งสินค้าและบริการ การออกมาตรการกำกับต้องแตกต่างกันและต้องครอบคลุมสินทรัพย์ดิจิทัลทุกลักษณะ และต่อไปก็จะมีพัฒนาให้ซับซ้อนขึ้นไปอีก หากไม่ครอบคลุมดีพอ อาจมีคนใช้ช่องโหว่ของระบบการกำกับดูแลและกฎหมาย หาประโยชน์อย่างไม่ชอบธรรม เอาเปรียบนักลงทุน หรือแม้นกระทั่งฉ้อโกงประชาชนได้

 

จึงขอเสนอให้ กลต. และ ธนาคารแห่งประเทศไทย รวมทั้งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องออกแนวทางและมาตรการในการกำกับดูแลการออกเสนอขายคริปโตเคอร์เรนซี การทำ Crypto Mining, การให้กู้ยืมสินทรัพย์ดิจิทัล (Crypto Lending) การทำ Custodian และ การทำ Wallet Provider ต้องมีการปฏิรูปหน่วยงานกำกับตลาดการเงิน กฎหมายว่าด้วยตลาดการเงิน ตลาดสินทรัพย์ดิจิทัลและการลงทุนต้องให้เท่าทันต่อเทคโนโลยีและกลโกงหรือการเอาเปรียบนักลงทุนในรูปแบบต่างๆด้วย 


รศ. ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ สภาวิจัยแห่งชาติ สาขาเศรษฐศาสตร์ และ อดีตกรรมการตรวจสอบ ธนาคารแห่งประเทศไทย กล่าวต่อว่า การฉ้อโกงเงินลงทุนในแวดวงคริปโตเคอร์เรนซีนั้นมีหลากหลายวิธีและรูปแบบ

 

วิธีหนึ่งที่มีการใช้กัน คือ การเข้ามาเจาะระบบโดยแฮกเกอร์ เป็นแฮกเข้ามาในระบบการเงินแบบกระจายศูนย์หรือ DeFi การแฮกระบบ DeFi แม้นทำได้ยากแต่ก็ทำให้เกิดการสูญเสียเม็ดเงินของนักลงทุนไปแล้วในระดับหนึ่งพันล้านดอลลาร์ เราสามารถแบ่งรูปแบบของวิธีการฉ้อโกงทางการเงินได้หลายรูปแบบดังนี้ รูปแบบแรก เรียกว่า Pumps and Dumps ซื้อเหรียญมาเก็บไว้ เก็งกำไรและปั่นราคาให้ขึ้นไปสูง หลอกล่อให้คนไปซื้อและเทขายออกมา

 

รูปแบบที่สอง NFT Scams ใช้ววิธีสร้างเว็บไซค์ปลอมที่มีหน้าตาเหมือนเว็บไซค์ทางการขึ้นมา แล้วพยายามหลอกล่อผู้ใช้งานให้ล็อกอิน เพื่อเอาข้อมูลส่วนตัว ข้อมูลทางการเงิน ข้อมูลการลงทุน จนกระทั่งบัตรเครดิต เป็นวิธีที่แฮกเกอร์ใช้กับเว็บไซค์ขายของออนไลน์ รวมทั้งขาย NFT วิธีการนี้เรียกว่า ทำ Replica Store หรือ แฮกเกอร์อาจใช้วิธีหลอกคนที่สนใจใน NFT ของใครเป็นพิเศษ แล้วส่งลิงก์เสนอขายเหรียญคริปโต หรือ อาจใช้วิธีสร้างชุมชนเพื่อเลียนแบบ Official Brand

 

รูปแบบที่สาม DeFi Rug Pulls เป็นรูปแบบการโกงโดยหลอกล่อให้เอาเงินมาลงทุนในแพลตฟอร์มแลกเปลี่ยนสกุลเงินดิจิทัล จากนั้นก็เอาเงินโอนออกไปจนหมด โดยตรวจสอบหรือติดตามไม่ได้ว่าสุดท้ายเงินที่หายไปนั้นไปอยู่ที่ไหน

 

รูปแบบที่สี่ Fake ICOs มักใช้บริษัทขนาดเล็กหรือสตาร์ทอัพระดมทุนโดยแจ้งว่าจะนำเงินลงทุนไปพัฒนาธุรกิจ สร้างสินค้าหรือบริการใหม่ๆ และมีการออกเหรียญให้นักลงทุนผู้สนใจ หากนักลงทุนสนใจก็ซื้อเหรียญ ICOs ด้วยการจ่ายเหรียญคริปโตฯ แต่ไม่ได้เป็นการระดมทุนเพื่อไปลงทุนโครงการต่างๆจริง

 

รูปแบบที่ห้า Malware เจาะเข้าระบบแล้วโอนเงินออกจาก Wallet จนหมดโดยไม่สามารถติดตามเส้นทางการโอนเงินได้ว่าไปไหน 

 

รศ. ดร. อนุสรณ์ ธรรมใจ อดีตกรรมการตรวจสอบ ธนาคารแห่งประเทศไทย แสดงความเห็นต่อการจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯในวันที่ 27 กค ศกนี้  ว่า ไม่ต้องวิตกกังวลเกินเหตุ ไม่ว่าจะปรับขึ้น 0.75% หรือ 1% จะไม่ส่งผลกระทบทางลบต่อตลาดหุ้นหรือค่าเงินบาทไปมากกว่าที่เป็นอยู่ ค่าเงินบาทอ่อนค่าใกล้แตะระดับต่ำสุดแล้ว เพราะระยะต่อไป ดุลการค้าและดุลบัญชีเดินสะพัดไทยจะปรับตัวในทิศทางที่ขาดดุลลดลงและจะเกินดุลได้ในช่วงปลายปี

 

ส่วนตลาดหุ้นน่าจะผ่านจุดต่ำสุดไปแล้วและเริ่มเห็นสัญญาณการกลับเข้ามาลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ ส่วนอัตราเงินเฟ้อน่าจะสูงสุดในไตรมาสามหลังจากนี้จะดีขึ้นเพราะแรงกดดันราคาพลังงานสูงลดลง อัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐฯจะอยู่ที่ 2.50% ในสัปดาห์หน้าโดยที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยอยู่ที่ 0.50% และ ดอกเบี้ยสหรัฐฯปลายปีน่าจะอยู่ที่ 3.25-3.50% ธนาคารแห่งประเทศไทยไม่จำเป็นต้องเร่งขึ้นดอกเบี้ยเพื่อประคับประคองการกระเตื้องขึ้นของเศรษฐกิจ และ บรรเทาผลกระทบต่อครัวเรือนที่มีหนี้สินมาก แต่ควรปรับขึ้นเล็กน้อยเพื่อไม่ให้ส่วนต่างของอัตราดอกเบี้ยมากเกินไปจนกระตุ้นในเงินไหลออกมากเกินไป การมีส่วนต่างในระดับ 2-2.50% เป็นสิ่งที่ยอมรับได้เพราะวัฎจักรเศรษฐกิจของไทยและสหรัฐฯต่างกัน สหรัฐอเมริกามีการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจที่ดีกว่าไทยมาก 

 

ส่วนปัจจัยวิกฤติเศรษฐกิจเมียนมาร์และค่าเงินจ๊าตอ่อนค่ารุนแรงนั้นคงกระทบไทยระดับหนึ่ง สิ่งที่น่าเป็นห่วงและต้องติดตาม คือ การที่ธนาคารกลางเมียนมาร์ ประกาศให้บริษัทและธนาคารในเมียนมาร์ระงับการชำระหนี้เงินตราต่างประเทศ มาตรการดังกล่าวจะส่งผลกระทบต่อบริษัทในเมียนมาร์ที่ต้องอาศัยการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศ ยังกระทบต่อเจ้าหนี้สถาบันการเงินในไทย กระทบต่อนักลงทุนและบริษัทไทยที่เข้าไปลงทุนในเมียนมาร์ด้วย

 

แม้นกลุ่มทุนข้ามชาติไทยจะชะลอการเข้าไปลงทุนในเมียนมาร์หลังการรัฐประหาร แต่ก็ยังคงเข้าไปลงทุนในเมียนมาร์ค่อนข้างสูงโดยตัวเลขล่าสุด มีการลงทุนโดยตรง (Foreign Direct Investment – FDI) เกือบ 180,000 ล้านบาท การลงทุนของกลุ่มทุนข้ามชาติไทยในพม่าส่วนใหญ่ลงทุนในกิจการพลังงาน สินค้าอุปโภคบริโภค บริษัทในเครือ ปตท เข้าไปลงทุนในเมียนมาร์ค่อนข้างมาก กลุ่มโอสถสภา กลุ่มธุรกิจไฟฟ้า กลุ่มรับเหมาก่อสร้างอย่างอิตาเลียนไทย มีการใช้เงินลงทุนในเขตทวายกว่า 7,000 ล้านบาท เนาวรัตน์พัฒนาการเข้าไปก่อสร้างโรงแรมในพม่า ปูนซิเมนต์ไทยเคยมีโรงงานผลิตปูนซีเมนต์ 1.8 ล้านตันในพม่า และได้ยุติการทำธุรกิจไปแล้ว 

 

การประกาศระงับการจ่ายหนี้ย่อมกระทบต่อนักลงทุนต่างชาติอย่างมาก และ น่าจะทำให้ความเชื่อมั่นต่อเศรษฐกิจเมียนมาร์ลดลงอย่างมากได้อีกพร้อมกับการดิ่งลงของค่าเงินจ๊าต ไทยเป็นคู่ค้าใหญ่เป็นอันดับสองของพม่า มีมูลค่าอยู่ที่ระดับ 4.8-5 พันล้านดอลลาร์ การประกาศระงับการชำระหนี้จะกระทบต่อการค้าไทยในระดับหนึ่ง ทำให้ค่าเงินจ๊าตในตลาดมืดอาจดิ่งทะลุระดับ 2,800 จ๊าตต่อดอลลาร์ได้ในระยะต่อไป มีทุนสำรองเพียงแค่ 7.7 พันล้านดอลลาร์ มีหนี้ต่างประเทศประมาณ 11,000 ล้านดอลลาร์ และยังไม่เห็นแนวโน้มการลงทุนจากต่างประเทศและรายได้จากการท่องเที่ยวต่างชาติจะดีขึ้นในอนาคตอันใกล้  

 

มีแนวโน้มสูงที่สถานการณ์วิกฤตการณ์เศรษฐกิจ วิกฤติค่าเงิน และ สงครามกลางเมืองในพม่าจะนำไปสู่ความล่มสลายที่รุนแรงกว่าสถานการณ์ในศรีลังกาในระยะต่อไป และ เป็นการยากที่รัฐบาลเผด็จการทหารพม่าจะได้รับช่วยเหลือจากกองทุนการเงินระหว่างประเทศหรือจากประเทศต่างๆ

 

เนื่องจาก รัฐบาลได้กระทำการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรงและสังหารประชาชนจำนวนมาก ฉะนั้น รัฐไทยต้องเตรียมรับคลื่นอพยพระลอกใหม่จากเมียนมาร์ด้วย การดำเนินการต้องยึดหลักมนุษยธรรมและไม่สร้างความเดือดร้อนต่อชาวไทยที่อยู่ตามแนวชายแดน  
 

logoline