“วันนี้ในอดีต” ตอนนี้ เป็นเหตุการณ์ที่สืบเนื่องจากตอนที่แล้ว (อ่านย้อนหลัง) เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคม ค.ศ. 1969 ครบรอบ 53 ปี นาซ่าส่ง “อะพอลโล่ 11” ขึ้นสู่อวกาศโดยจรวดแซเทิร์น 5 ที่ฐานยิงจรวด 39A แหลมเคเนดี รัฐฟลอริดา ก่อนแยกยานลงดวงจันทร์ บริเวณ "ทะเลแห่งความเงียบสงบ” (Mare Tranquilitatis) ได้สำเร็จ ในวันที่ 20 กรกฎาคม ค.ศ.1969 คือวันนี้ในอดีต
หลังสหรัฐอเมริกามีความพยายายามวางแผนที่จะขึ้นไปเหยียบดวงจันทร์ให้ได้ เริ่มตั้งแต่โครงการแรก คือ เมอร์คิวรี เป็นแผนการส่งมนุษย์ไปสู่อวกาศ เป้าหมายหลักเพื่อส่งมนุษย์อวกาศขึ้นไปโคจรรอบโลก ทดสอบความสามารถและการดำรงชีวิตเมื่ออยู่ในอวกาศ "เจมินี" สะพานสู่ดวงจันทร์
ตามมาด้วย โครงการเจมินี (Gemini) เป็นโครงการส่งมนุษย์ขึ้นไปทดสอบเที่ยวบินอวกาศเป็นโครงการที่ 2 ถัดจากโครงการเมอร์คิวรี เพื่อปูทางสู่โครงการถัดไป คือ โครงการอะพอลโล
ลูกเรือของอะพอลโล่ 11 ประกอบด้วย “นีล อาร์มสตรอง” ผู้บังคับการ “เอดวิน อัลดริน” นักบินยานลงดวงจันทร์ และ “ไมเคิล คอลลินส์” เป็นนักบินยานบังคับการ
“นีล อาร์มสตรอง” ถือเป็นมนุษย์คนแรก ที่ลงมาประทับฝากรอยเท้าบนดวงจันทร์ ตามมาด้วยอัลดริน โดยนักบินอวกาศทั้งสองคนได้ติดตั้งเครื่องวัดแผ่นดินไหว, กระจกสะท้อนเลเซอร์, เครื่องวัดลมสุริยะ, และเก็บตัวอย่างหินและดิน 21.6 กิโลกรัม นำกลับมายังโลก รวมเวลาอยู่บนดวงจันทร์ 21 ชั่วโมง 36 นาที ใช้เวลานับตั้งแต่ออกเดินทางจนกลับถึงโลก 195 ชั่วโมง 18 นาที 35 วินาที โดยเดินทางกลับมาลงจอดบริเวณมหาสมุทรแปซิฟิกวันที่ 24 กรกฎาคม ค.ศ.1969
โดยเมื่อเหยียบบนดวงจันทร์เขากล่าวประโยคนี้ซึ่งเป็นที่จดจำของมวลมนุษยชาติว่า “one small step for [a] man, one giant leap for mankind.” “นี่เป็นก้าวเล็ก ๆ ของชายคนหนึ่ง แต่เป็นก้าวกระโดดครั้งยิ่งใหญ่ของมนุษยชาติ”
อย่างไรก็ตามแม้เหตุการณ์นี้จะเป็นที่ชื่นชมของมวลมนุษยชาติ แต่ยังมีคนอีกกลุ่มหนึ่งที่ออกมาตั้งข้อสังเกตอ้างว่าเป็นทฤษฎีสมคบคิด “สหรัฐฯ จัดฉากเหยียบดวงจันทร์” โดยสาเหตุที่กลุ่มคนดังกล่าวคิดเช่นนั้นเนื่องจากมองว่าสหรัฐฯต้องการที่จะเอาชนะสหภาพโซเวียตซึ่งเป็นคู่แข่งทางมหาอำนาจในขณะนั้น โดยเฉพาะการเอาชนะเรื่องความก้าวหน้าทางเทคโนโลยีว่ามีเหนือกว่าสหภาพโซเวียต และอ้างว่า “เหตุการณ์เหยียบดวงจันทร์” ถูกจัดฉากโดยถ่ายทำกันในโรงถ่ายภาพยนตร์หรือทะเลทรายบางแห่ง
โดยมีข้อสังเกตดังนี้ สัญลักษณ์กากบาทสำหรับระบุตำแหน่งในบางรูปภาพปรากฏที่หลังวัตถุ แทนที่จะอยู่ด้านหน้า , คุณภาพของภาพถ่ายดีอย่างเหลือเชื่อ แม้ว่าจะถ่ายในอวกาศ, ภาพถ่ายไม่มีดาวอยู่ภายในภาพ โดยขณะเดียวกันนักบินไม่ได้มีการกล่าวถึงการมองเห็นดวงดาวในยานอวกาศ จากภาพถ่ายของหลายโครงการสำรวจอวกาศ ,สีและแสงเงาภายในภาพผิดเพี้ยน เงาจากดวงจันทร์ ไม่ควรจะมีมุมเดียวกับเงาของวัตถุบนพื้นโลก,พื้นหลังของภาพที่ถูกรายงานว่าถ่ายจากคนละสถานที่กลับเหมือนกัน,จำนวนภาพถ่ายที่มากจนเกินไป โดยเมื่อนำจำนวนเวลาที่ลงจอดบนดวงจันทร์ เปรียบเทียบกับจำนวนภาพถ่ายทั้งหมด จะได้ว่า ภาพถ่ายถูกถ่ายขึ้นทุก 15 วินาที โดยเมื่อเปรียบเทียบกับคุณภาพกล้องในสมัย ปี พ.ศ. 2512 การถ่ายภาพและการเลื่อนฟิล์มทั้งหมด ใช้เวลาประมาณ 30 วินาทีต่อ 1 ภาพ
นอกจากนี้ยังแจกแจงสาเหตุที่อ้างว่า “สหรัฐฯจัดฉากเหตุการณ์เหยียบดวงจันทร์” ว่าเบี่ยงเบนความสนใจ ของเรื่องสงครามเวียดนาม โดย เบี่ยงเบนความสนใจของชาวโลก เรื่องของการโจมตีประเทศเวียดนาม เพื่อหยุดยั้งการขยายตัวของคอมมิวนิสต์ ,ชัยชนะในสงครามเย็น โดยสหรัฐอเมริกาได้รับชัยชนะเหนือโซเวียตในเรื่องการสำรวจอวกาศ ซึ่งถือว่าเป็นเทคโนโลยีที่สูงสุดในขณะนั้น ถึงแม้ว่าการสำรวจอวกาศเหมือนที่โซเวียตได้ทำก่อนหน้านี้ ทางสหรัฐสามารถทำได้เช่นกัน แต่การถ่ายทำในสตูดิโอและสร้างข่าวลือ สามารถส่งผลที่ให้เกิดชัยชนะได้แน่นอนและลดค่าใช้จ่ายและความเสี่ยง ส่งผลให้สหภาพโซเวียตล่มสลายในช่วงเวลาต่อมา ,รวบรวมเงินซึ่งนาซาได้รวบรวมเงินประมาณ 60,000 ล้านบาทในขณะนั้น (30 billion dollars) สำหรับโครงการสำรวจดวงจันทร์ โดยการสร้างแรงจูงใจให้ชาวสหรัฐอเมริกาและองค์กรต่าง ๆ บริจาคเงินจำนวนมหาศาลได้ โดยเงินสามารถนำมาใช้สำหรับสงครามเวียดนามได้โดยไม่มีข้อสงสัย ,ความเสี่ยงสูง ถึงแม้ว่าโอกาสที่จะประสบความสำเร็จในการสำรวจอวกาศจะเป็นไปได้สำหรับสหรัฐอเมริกา แต่ขณะเดียวกันความล้มเหลวก็มีสูงเช่นกัน
จากข้อกังขาดังกล่าว ได้มีคำอธิยายจากนักวิทยาศาสตร์ ดร. ไมเคิล ริช นักดาราศาสตร์จากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย วิทยาเขตลอสแอนเจลิส (UCLA)ให้ข้อมูลว่า บนดวงจันทร์ไม่มีอากาศและกระแสลม แต่ธงชาติสหรัฐฯ ที่สองนักบินอวกาศในภารกิจอะพอลโล 11 ติดตั้งกลับดูเหมือนโบกสะบัดอยู่ เนื่องจากแรงสะเทือนที่เกิดขึ้นขณะพยายามปักเสาธงลงบนพื้นดวงจันทร์ นอกจากนี้ ยังมีข้อเท็จจริงที่ว่าบนดวงจันทร์มีแรงโน้มถ่วงต่ำกว่าบนโลกราว 6 เท่า และมีการใช้ราวยึดตัวผืนธงเอาไว้ด้วย ทำให้ธงชาติสหรัฐฯ สามารถคงรูปคล้ายกับผืนธงที่ปลิวไสวตามแรงลมได้
ส่วนการที่ภาพถ่ายบนดวงจันทร์มีความคมชัดนั้น “นาซา” เลือกภาพถ่ายที่ดีที่สุดสำหรับการนำเสนอต่อสื่อมวลชน ซึ่งก็ได้นำภาพดังกล่าวไปคัดเลือกอีกทีหนึ่งด้วย นอกจากนี้ภาพส่วนใหญ่ถูกตัดกรอบเพื่อทำให้มีการวางองค์ประกอบที่ดีขึ้น ภาพที่ถ่ายนั้นยังถ่ายด้วยกล้องฮาสเซลบลาดคุณภาพสูงด้วยเลนซ์ไซสส์ที่มีคุณภาพสูงเช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตามมีภาพมากมายที่ได้แสงมากเกินหรือมีโฟกัสที่ผิดพลาด ภาพถ่ายเหล่านี้สามารถดูได้ที่ Apollo Lunar Surface Journal
ส่วนการที่ภาพถ่ายไม่มีดาวอยู่ภายในภาพ ไม่มีปรากฏภาพของดวงดาวในกระสวยอวกาศ, สถานีอวกาศเมียร์ สถานีอวกาศนานาชาติ และที่สังเกตการณ์บนโลกเช่นเดียวกัน โดยทั่วไปแล้วการถ่ายภาพในลักษณะนี้ ปกติจะตั้งความเร็วชัตเตอร์ที่ความเร็วสูง เพื่อป้องกันแสงที่ออกมาไฟส่องทำให้ภาพขาวจนเกินไป ในขณะเดียวกันที่ความเร็วชัตเตอร์เท่านี้ ไม่สามารถถ่ายภาพดวงดาวได้
ขณะที่ข้อสังเกตเรื่องจำนวนภาพถ่ายที่มากจนเกินไป โดยเมื่อนำจำนวนเวลาที่ลงจอดบนดวงจันทร์นั้นนักบินอวกาศได้รับการฝึกฝนให้ใช้เครื่องมือการถ่ายภาพเป็นอย่างดี นอกจากนี้อุปกรณ์การถ่ายภาพยังทำให้สามารถถ่ายภาพได้สะดวก ถึงขนาดที่ถ่ายได้สองภาพต่อหนึ่งวินาที ถ้าดูภาพที่ถ่ายมาจะพบว่าภาพจำนวนมากถูกถ่ายต่อเนื่องกัน