
29 ธันวาคม 2568 ตัวแทนจาก 10 สมาคมผู้ผลิตเหล็กไทย นำโดย คุณนาวา จันทนสุรคน ผู้ประสานงานกลุ่ม 10 สมาคมผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเหล็กไทย ส่งตัวแทนยื่นหนังสือถึง นายอนุทิน ชาญวีรกุล นายกรัฐมนตรี เพื่อเรียกร้องรัฐบาลให้เข้มงวดในการพิจารณาอนุญาตให้โรงงานเหล็กที่เคยถูกสั่งปิดโรงงานชั่วคราว กลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้ง โดยให้ความสำคัญกับ“ความปลอดภัยของประชาชนเป็นหลัก” และใช้มาตรฐานที่ได้รับการปรับปรุงแล้วเป็นเงื่อนไขสำคัญ ก่อนจะอนุญาตให้โรงงานใดกลับมาผลิตอีกครั้ง 10 สมาคมผู้ผลิตเหล็กไทย เรียกร้องรัฐคุมเข้มก่อนอนุญาตเปิดโรงงานเหล็กที่เคยถูกสั่งปิด
กลุ่ม 10 สมาคมผู้ผลิตเหล็กภายในประเทศ แสดงความห่วงใยต่อกรณีโรงงานผลิตเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตที่ถูกกระทรวงอุตสาหกรรมสั่งปิดจากปัญหาการผลิตไม่ได้มาตรฐาน ความปลอดภัย และสิ่งแวดล้อม กำลังยื่นขออนุญาตกลับมาเปิดดำเนินการอีกครั้ง โดยเกรงว่าหากอนุญาตให้กลับมาผลิตด้วยแนวปฏิบัติเดิม จะทำให้เหล็กที่ไม่ได้มาตรฐานกลับเข้าสู่ตลาด สร้างความเสี่ยงต่อความปลอดภัยของประชาชน และเกิดการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมต่อผู้ประกอบการที่ปฏิบัติตามกฎหมาย
จากข้อมูลการตรวจสอบของกระทรวงอุตสาหกรรม พบว่าโรงงานที่ถูกระงับการดำเนินกิจการใช้กระบวนการหลอมด้วยเตา Induction Furnace (IF) ซึ่งมีข้อจำกัดในการควบคุมสารมลทินและส่วนประกอบทางเคมี เนื่องจากไม่มีระบบออกซิเดชันและการสร้างสแลกในการกำจัดสิ่งเจือปน ทำให้จำเป็นต้องมีกระบวนการทำน้ำเหล็กให้บริสุทธิ์ (refining process) เช่น การใช้เตาปรุงน้ำเหล็ก (Ladle Furnace) อย่างเหมาะสม แต่พบว่าโรงงานกลุ่มดังกล่าวส่วนใหญ่ไม่มี หรือมีแต่ไม่ได้ใช้งานอย่างสม่ำเสมอ ส่งผลให้ไม่สามารถควบคุมคุณภาพเหล็กให้เป็นไปตามมาตรฐาน มอก. ได้ ซึ่งเป็นสาเหตุหนึ่งของการตกมาตรฐานในอดีต
กลุ่ม 10 สมาคมฯ จึงเสนอให้การพิจารณาอนุญาตโรงงานที่เคยถูกสั่งปิดกลับมาเปิดดำเนินการ ต้องปฏิบัติตามมาตรฐาน มอก. 20-2559 และ มอก. 24-2559 อย่างเคร่งครัด โดยเฉพาะข้อกำหนดด้านกระบวนการผลิต วัสดุ และส่วนประกอบทางเคมี ตามข้อ 5.2 – 5.5 ซึ่งกำหนดให้ต้องมีกระบวนการทำน้ำเหล็กให้บริสุทธิ์อย่างเหมาะสม เพื่อให้เหล็กมีคุณภาพตามมาตรฐานและปลอดภัยต่อการใช้งาน
ทั้งนี้ กระบวนการทำน้ำเหล็กให้บริสุทธิ์ถือเป็นหัวใจสำคัญของการผลิตเหล็กที่ได้มาตรฐาน และมีผลโดยตรงต่อความแข็งแรงและความปลอดภัยของโครงสร้างอาคาร โดยกรณีอาคารสำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ถล่ม ที่คณะกรรมาธิการวิสามัญของสภาผู้แทนราษฎรระบุว่า หนึ่งในสาเหตุมาจากคุณภาพเหล็กที่ไม่ได้มาตรฐาน เป็นตัวอย่างที่สะท้อนถึงความสำคัญของประเด็นดังกล่าวอย่างชัดเจน
เพื่อสร้างความโปร่งใสและความเชื่อมั่นต่อสาธารณชน กลุ่ม 10 สมาคมฯ เสนอว่า หากผู้ผลิตที่ใช้กระบวนการ IF ประสงค์จะกลับมาดำเนินกิจการ ต้องนำเสนอเทคนิคหรือกระบวนการที่มีประสิทธิภาพเทียบเท่าหรือดีกว่าการใช้เตาปรุงน้ำเหล็ก ต่อคณะกรรมการวิชาการของสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) และเปิดให้มีการตรวจสอบกระบวนการผลิตในสถานที่จริง ก่อนเสนอให้คณะกรรมการมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (กมอ.) พิจารณาให้ความเห็นชอบเป็นขั้นสุดท้าย
นอกจากนี้ กลุ่ม 10 สมาคมฯ ยังตั้งข้อสังเกตต่อกรณีการถอนอายัดสินค้าเหล็กเส้นเสริมคอนกรีตของโรงงานแห่งหนึ่ง ซึ่งนำไปสู่การแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงโดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2568 แต่จนถึงปัจจุบันยังไม่ปรากฏรายงานผลการตรวจสอบ ขณะเดียวกัน โรงงานดังกล่าวกลับได้รับหนังสืออนุญาตให้ทดลองเดินเครื่องจักรเมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2568 ทั้งที่ยังไม่ปฏิบัติตามข้อกำหนด มอก. และไม่เป็นไปตามกระบวนการผลิตที่ระบุไว้ในรายงาน EIA
กลุ่ม 10 สมาคมฯ ระบุว่า การไม่ปฏิบัติตามกระบวนการปรับปรุงคุณภาพน้ำเหล็ก ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตต่ำกว่าความเป็นจริง และก่อให้เกิดการแข่งขันที่ไม่เป็นธรรม ซึ่งขณะนี้คณะกรรมการการแข่งขันทางการค้า (กขค.) อยู่ระหว่างการพิจารณาข้อเท็จจริงว่าอาจเข้าข่ายการฝ่าฝืนกฎหมายแข่งขันทางการค้าหรือไม่
ขณะเดียวกัน โรงงานดังกล่าวยังอยู่ระหว่างการสอบสวนของกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) กรณีการลักลอบจัดเก็บฝุ่นแดงซึ่งเป็นวัตถุอันตรายเกินกว่าที่รายงาน รวมถึงถูกคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) เพิกถอนสิทธิประโยชน์เป็นการชั่วคราว จากการฝ่าฝืนกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยมีข้อสังเกตเพิ่มเติมเกี่ยวกับการใช้แรงงานต่างด้าวที่อาจไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของบีโอไอ
ด้วยเหตุนี้ กลุ่ม 10 สมาคมผู้ผลิตเหล็กภายในประเทศ จึงเรียกร้องให้การพิจารณาอนุญาตโรงงานที่เคยถูกสั่งปิดกลับมาเปิดดำเนินการ ต้องคำนึงถึงทั้งการปฏิบัติตามมาตรฐาน มอก. อย่างครบถ้วน และการปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องอย่างเคร่งครัด เพื่อความโปร่งใส ความเป็นธรรมต่อผู้ประกอบการที่ถูกต้องตามกฎหมาย และความปลอดภัยของประชาชน พร้อมยกระดับอุตสาหกรรมเหล็กของประเทศไทยอย่างยั่งยืน
นอกจากนี้ ทางผู้ประสานงานจากสมาคมผู้ผลิตเหล็กทางยาวมาตรฐานได้ ได้สรุปข้อเท็จจริงที่เคยเกิดขึ้นที่เกี่ยวกับเหตุการณ์ที่เกี่ยวกับโรงงานที่ไม่ได้มาตรฐาน ดังนี้