
2 แม่ทัพบูรพา พ.อ.ประจักษ์ วีรบุรุษตาพระยา พล.อ.ประวิตร เจ้าพ่อชายแดน ผ่านสมรภูมิหนองจาน ต่างยุคต่างสมัย
สมรภูมิบ้านหนองจาน ยุคเขมร 3 ฝ่ายรบเวียดนาม-เขมรเฮงสำริน มีทั้งฉากรบเดือด ฉากเพื่อมนุษยธรรม และฉากธุรกิจมืดชายแดน
วันที่ 28 ส.ค.2568 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ ได้กล่าวถึงสถานการณ์ความตึงเครียดบริเวณชายแดนไทย–กัมพูชา โดยพรรค พปชร. มีจุดยืนชัดเจนสนับสนุนการสร้างกำแพงคอนกรีตถาวรตามแนวชายแดน โดยแนวคิดนี้ ไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่เป็นสิ่งที่ตนได้ริเริ่มตั้งแต่สมัยดำรงตำแหน่งแม่ทัพภาคที่ 1 และยังคงยึดมั่นจนถึงปัจจุบัน
เมื่ออ่านคอมเมนต์ใต้ข่าว “ลุงป้อม” ดังกล่าวข้างต้น กลับมีคนทวงถามเรื่องบ้านหนองจาน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว เพราะปัญหาคนเขมรยึดครองแผ่นดินไทยนั้น เกิดขึ้นตั้งแต่ พล.อ.ประวิตร ยังมียศ “พันตรี” ในฐานะผู้บังคับกองพัน สังกัดกรมทหารราบที่ 12 รักษาพระองค์ (ร.12 รอ.)
ร.12 รอ. หรือค่ายไพรีระย่อเดช (สระแก้ว) รับผิดชอบพื้นที่ อ.สระแก้ว อ.อรัญประเทศ อ.ตาพระยา และ อ.วัฒนานคร
เดิมทีบ้านหนองจาน บ้านโนนหมากมุ่น ที่เป็นศูนย์อพยพชาวเขมร อยู่ใน อ.ตาพระยา จ.ปราจีนบุรี (ปัจจุบัน อ.โคกสูง จ.สระแก้ว)
ขณะนี้ คนไทยกลับเพรียกหานายทหารกล้าแบบ “พ.อ.ประจักษ์ สว่างจิตร” อดีตผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (ร.2 รอ.)
วีรกรรมของ “ผู้การประจักษ์” และนักรบบูรพาพยัคฆ์ ที่ปกปักรักษาอธิปไตย ยังอยู่ในความทรงจำของผู้คน
ปี 2520 “ผู้การประจักษ์” สมัยครองยศ “พันโท” เป็นผู้บังคับกองพันที่ 3 กรมผสมที่ 2 ปราจีนบุรี นำกำลังทหารผลักดันทหาร “เขมรแดง” ที่รุกล้ำเขตแดนไทย และขับรถถังบุกตะลุยถึงเมืองปอยเปต
ปี 2523 พ.อ.ประจักษ์ สว่างจิตร ในฐานะ ผบ.ร.2 รอ.(บูรพาพยัคฆ์) บัญชาการหน่วยรบขับไล่ทหาร “เขมรเฮงสำริน-เวียดนาม” ออกจากพื้นที่ศูนย์อพยพบ้านหนองจาน อ.ตาพระยา จ.ปราจีนบุรี
สื่อมวลชนไทยสมัยนั้น จึงขนานนาม “ผู้การประจักษ์” ว่า “วีรบุรุษตาพระยา” และก่อนหน้านั้น ก็เรียกขานว่า “วีรบุรุษบ้านน้อยป่าไร่”
หลังเหตุการณ์ 14 ต.ค.2516 “ผู้การประจักษ์” ย้ายไปรับราชการชายแดนบูรพา เป็นผู้บังคับกองพันที่ 3 กรมผสมที่ 2 จ.ปราจีนบุรี
เหตุการณ์ “บุกปอยเปต” ส่งผลให้ พล.อ.เสริม ณ นคร ผู้บัญชาการทหารบกขณะนั้น ลงนามคำสั่งย้าย พ.ท.ประจักษ์(ยศขณะนั้น) ไปรับตำแหน่งใหม่เป็นอาจารย์หัวหน้าวิชาทั่วไป ที่ศูนย์การทหารราบ อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์
ปลายปี 2520 กลุ่มยังเติร์ก จปร.7 หนุน พล.อ.เกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์นั้น ก่อรัฐประหารยึดอำนาจการปกครองจากรัฐบาลธานินทร์ กรัยวิเชียร โดย พล.อ.เกรียงศักดิ์ เป็นนายกรัฐมนตรี
พ.ท.ประจักษ์ (ยศเดิม) จึงได้กลับมาปราจีนบุรีอีกครั้ง และครองยศ “พันเอก” เป็นผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (ร.2 รอ.) ฉายาว่า “บูรพาพยัคฆ์”
ต้นปี 2522 ภายในกัมพูชาเกิดการเปลี่ยนแปลง เขมรเฮงสำริน และกองทัพเวียดนาม โค่นล้มระบอบเขมรแดง จึงมีคนเขมรอพยพเข้ามาอยู่ชายแดนไทยมากขึ้น
UNHCR ร่วมกับรัฐบาลไทย จัดตั้งค่ายอพยพที่บ้านหนองจาน และโนนหมากมุ่น อ.ตาพระยา จ.ปราจีนบุรี แต่ภายในค่ายบ้านหนองจาน ยังเป็นแหล่งซ่องสุมกำลังของ “เขมรเสรี” โดยการนำของนายพลซอนซาน
ดังนั้น เวียดนาม-เขมรเฮงสำริน จึงบุกโจมตีค่ายอพยพบ้านหนองจาน และบ้านโนนหมากมุ่น “ผู้การประจักษ์” ในฐานะ ผบ.กองกำลังบูรพาจึงนำทหารเข้าผลักดันผู้รุกรานอย่างดุเดือด
วันที่ 1-4 เมษายน 2524 พ.อ.ประจักษ์ สว่างจิตร ได้นำกำลังทหารจากค่ายจักรพงษ์ เข้าร่วมล้มล้างรัฐบาลเปรม แต่ฝ่ายก่อการยึดเมืองหลวงถูกปราบจนยอมแพ้ไปในที่สุด
เมื่อทหารปราจีนบุรี กลายเป็นกบฏ ฝ่ายผู้บังคับบัญชาระดับสูง จึงส่ง พ.ต.ประวิตร วงษ์สุวรรณ (ยศขณะนั้น) ค่ายทหารเสือราชินี เป็นผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 2 กรมทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (ร.2 พัน 2 รอ.) ปราจีนบุรี
ปี 2527-2531 พ.ต.ประวิตร ย้ายไปเป็นผู้บังคับกองพันทหารราบที่ 3 กรมทหารราบที่ 12 รักษาพระองค์ (ร.12 พัน 3 รอ.) ซึ่ง “ลุงป้อม” สมัยเป็นนายพันหนุ่ม ได้นำทหารสู้รบกับทหารเวียดนาม-เขมรเฮงสำริน แถวพนมมาลัย และบ้านหนองจาน
อีกด้านหนึ่ง “ลุงป้อม” เป็นขาใหญ่ชายแดน และรู้จักมักคุ้น “บำรุง ล้อเจริญวัฒนะชัย” นักธุรกิจนำเข้าส่งออกรายใหญ่แห่ง อ.อรัญประเทศ
ปี 2532-2538 พ.อ.ประวิตร (ยศขณะนั้น) เป็นผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 12 รักษาพระองค์ (ผบ.ร.12 รอ.) ซึ่งเป็นยุคแปรสนามรบเป็นสนามการค้า
ภาพจำ พ.อ.ประจักษ์ และ พล.อ.ประวิตร ในสายคนสระแก้วนั้นแตกต่างกัน คนแรกคือ “วีรบุรุษตาพระยา” แต่คนหลังคือ “ขาใหญ่ชายแดน”