73 ปี ลูกชาวนา “ฮุน เซน” ล้างคราบ “เขมรแดง” สถาปนาระบอบศักดินาแดง
สมเด็จห้าดาว “ฮุน เซน” เชิดชูราชาชาตินิยม ล้างคราบ “เขมรแดง” สร้างระบอบศักดินาแดง-เผด็จการรัฐสภา
73 ปี ฮุน เซน ลูกชาวนาเถลิงอำนาจ นั่งนายกฯกัมพูชาตลอดกาล ล้างคราบเขมรแดง สร้างระบอบใหม่-ศักดินาแดง
40 ปี ระบอบฮุน เซน ต้นทางจากพรรคลัทธิมาร์กซ์-เลนิน สู่อุดมการณ์ราชาชาตินิยม ภายใต้การนำของพรรคประชาชนกัมพูชา
วันที่ 5 ส.ค.2568 เป็นวันคล้ายวันเกิดครบ 73 ปี ของสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเตโชฮุน เซน ประธานวุฒิสภา และประธานองคมนตรี ซึ่งเป็นผู้นำกัมพูชาคนแรกที่นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี มายาวนานเกือบ 40 ปี
73 ปี ฮุน เซน ลูกชาวนาเถลิงอำนาจ นั่งนายกฯกัมพูชาตลอดกาล ล้างคราบเขมรแดง สร้างระบอบใหม่-ศักดินาแดง
40 ปี ระบอบฮุน เซน ต้นทางจากพรรคลัทธิมาร์กซ์-เลนิน สู่อุดมการณ์ราชาชาตินิยม ภายใต้การนำของพรรคประชาชนกัมพูชา
วันที่ 5 ส.ค.2568 เป็นวันคล้ายวันเกิดครบ 73 ปี ของสมเด็จอัครมหาเสนาบดีเตโชฮุน เซน ประธานวุฒิสภา และประธานองคมนตรี ซึ่งเป็นผู้นำกัมพูชาคนแรกที่นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรี มายาวนานเกือบ 40 ปี
ฮุน เซน ลูกชาวนาแห่ง จ.กำปงจาม ได้ทำงานใต้ดินในนามสมาชิกพรรคคอมมิวนิสต์กัมพูชา(เขมรแดง) และเข้าร่วมการต่อสู้ด้วยอาวุธในเขตชนบท เขาสูญเสียดวงตาข้างซ้ายในการรบแตกหัก ก่อนทัพเขมรแดงบุกยึดพนมเปญเมื่อปี 2518
วันที่ 20 มิ.ย.2520 สหายสำเร็จ(ฮุนเซน) และนักรบเขมรแดง รวม 4 คนออกจากเกาะทมะใน จ.กำปงจาม ไปขอพึ่งใบบุญพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม
วันที่ 7 ม.ค.2522 แนวร่วมสามัคคีประชาชาติกู้ชาติกัมพูชา ร่วมกับกองทัพเวียดนาม โค่นล้มเขมรแดงสำเร็จ และสถาปนาสาธารณ์รัฐประชาชนกัมพูชา
นี่คือช่วงการเปลี่ยนผ่านจาก “เขมรแดง” สายจีน สู่ยุคพรรคประชาชนปฏิวัติกัมพูชา สายเวียดนาม-โซเวียต
ปี 2528 มติกรมการเมืองพรรคประชาชนปฏิวัติกัมพูชา เลือกฮุน เซน วัย 32 ปี ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ควบ รมว.ต่างประเทศ
นับจากวันนั้น ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นของระบอบบองทม(พี่ใหญ่) ที่มี 3 สหายตัว “S” เป็นเสาหลักคือ พี่ใหญ่ เจีย ซิม(Chea Sim) น้องรอง เฮง สำริน(Heng Samrin) และน้องเล็ก ฮุน เซน (Hun Sen)
หลังเขมร 4 ฝ่ายลงนามยุติการสู้รบ และสร้างสันติภาพ 3 สหายตัว S จึงเปลี่ยนพรรคประชาชนปฏิวัติกัมพูชา เป็นพรรคประชาชนกัมพูชา เพื่อเตรียมเข้าสู่การเลือกตั้ง ภายใต้การควบคุมของ UN เมื่อปี 2534
พ.ศ.นี้ เจีย ซิม เสียชีวิตไปหลายปีแล้ว ยังคงเหลือแค่ เฮง สำริน และฮุน เซน ที่เป็นผู้นำสูงสุดพรรคประชาชนกัมพูชา(CPP)
ก้าวสู่ระบอบศักดินาแดง
การเลือกตั้งทั่วไปปี 2536 เป็นครั้งแรกที่ “พรรคปฏิวัติ” เดินแนวทางรัฐสภา พรรคประชาชนกัมพูชา ได้ที่นั่ง สส.เป็นอันดับ 2 รองจากพรรคฟุนซินเปค ทำให้กัมพูชา มีนายกรัฐมนตรี 2 คนคือ เจ้ารณฤทธิ์ เป็นนายกฯ คนที่ 1 และฮุน เซน เป็นนายกฯ คนที่ 2
เดิมที “คอมมิวนิสต์เขมร” กลุ่ม 3 สหายตัว S นั้น มีผู้นำทางความคิดคือ เซิง ง็อกมินห์ หรือ “อาจารย์เมียน” ลูกครึ่งเขมร-เวียดนาม ผู้ก่อตั้งกลุ่ม “เขมรอิสระ” และเข้าร่วมพรรคคอมมิวนิสต์อินโดจีน โดยการนำของโฮจิมินห์
ปี 2494 “ลุงโฮ” สลายพรรคคอมมิวนิสต์อินโดจีน อาจารย์เมียนจึงก่อตั้ง “พรรคประชาชนปฏิวัติเขมร”
ปี 2496 กัมพูชาได้รับเอกราชจากฝรั่งเศส กษัตริย์สีหนุขึ้นครองอำนาจอาจารย์เมียน พาพลพรรคเขมรอิสระ ถอนตัวออกจากกัมพูชากลับเวียดนาม
เมื่อพรรคคอมมิวนิสต์เวียดนาม เข้ามาหนุนช่วยกลุ่ม 3 สหายตัว S โค่นเขมรแดง จึงมีการรื้อฟื้น “พรรคประชาชนปฏิวัตกัมพูชา” และเชิดชูอาจารย์เมียน เป็นบิดาการปฏิวัติกัมพูชา
ต้องบันทึกไว้ว่า ชาวคอมมิวนิสต์เขมร เป็นนักลัทธิมาร์กซ-เลนินกลุ่มแรก ที่มีการสถาปนาระบอบใหม่คือ “ศักดินาแดง”
เมื่อ 3 สหาย “เจีย ซิม เฮง สำริน ฮุน เซน” ได้เปลี่ยนพรรคปฏิวัติเป็นพรรครัฐสภา และเชิดชูอุดมการณ์ “ราชาชาตินิยม” แทนคอมมิวนิสต์
ที่มาสมเด็จห้าดาว
ปี 2541 ฮุน เซน ได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์และราชทินนามเป็น “สมเด็จ” จากพระบาทสมเด็จพระบรมนาถนโรดม สีหนุ อดีตกษัตริย์กัมพูชา พร้อมกับสหายตัว S อีกสองคนคือ สมเด็จเจีย ซิม และสมเด็จเฮง สำริน
ปี 2550 พระบาทสมเด็จพระบรมนาถนโรดม สีหมุนี พระมหากษัตริย์องค์ปัจจุบัน ได้พระราชทานเลื่อนบรรดาศักดิ์และราชทินนามขึ้นเป็น “สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเตโช ฮุน เซน”
สมเด็จเจีย ซิม ก็ขึ้นเป็น “สมเด็จอัครมหาธรรมโพธิศาล เจีย ซิม” ขณะที่สมเด็จเฮง สำริน ขึ้นเป็น “สมเด็จอัครมหาปัญญาจักรี เฮง สำริน”
หลายคนที่ได้เห็นชื่อเต็มๆ “สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเตโช ฮุน เซน นายพลห้าดาวกิตติคุณ” อาจสงสัยว่า นายพลห้าดาวคืออะไร
ที่มา “ห้าดาวทอง” หรือ “นายพลห้าดาว” นั้น มาจากกษัตริย์นโรดมสีหมุนี พระราชทานยศนายพลเอกอาวุโสแก่ “สามสมเด็จ” คือ สมเด็จฮุน เซน สมเด็จเฮง สำริน และสมเด็จเจีย ซิม เมื่อปี 2551
อันเนื่องจากพระเจ้าอยู่หัวนโรดมสีหมุนี ชื่นชม 3 ผู้นำสูงสุดของประเทศ จึงมีการประดับยศนายพลห้าดาว เสมือนการมอบเกียรติยศตอบแทนบุคคลที่ประกอบคุณความดีต่อชาติ
ว่ากันว่า “สมเด็จห้าดาว” ทั้งสามไม่ได้มีอำนาจบังคับบัญชากองทัพโดยตรง กฎหมายบัญญัติให้ต้องสั่งการผ่านรัฐมนตรีกลาโหม ซึ่งมียศเป็นนายพลเอกเท่านั้น