
หลังประสบความสำเร็จคว้าแชมป์คาราบาว คัพ และจบในอันดับที่ 4 ของพรีเมียร์ลีกจนได้ไปเล่นยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีกได้สำเร็จ ทำให้หลายฝ่ายมองว่าช่วงซัมเมอร์นี้จะเป็น "ช่วงเวลาสำคัญ" สำหรับ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ในการยกระดับทีมให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้น
แต่สถานการณ์ในตลาดซื้อขายนักเตะกลับไม่ได้เป็นไปอย่างที่คาดหวัง พวกเขาเซ็นสัญญาคว้าตัว แอนโทนี อีแลงกา ตั้งแต่ 11 ก.ค. และ อารอน แรมส์เดล ที่ย้ายเข้ามาด้วยสัญญายืมตัวแค่นั้น ส่วนที่เหลือนิวคาสเซิลต้องเผชิญกับความผิดหวังครั้งแล้วครั้งเล่า โดยมีรายงานว่านักเตะเป้าหมายหลายรายได้ปฏิเสธที่จะย้ายมาร่วมทีม แม้แต่ดาวเตะคนสำคัญอย่าง อเล็กซานเดอร์ อิซัค ก็ตกเป็นเป้าหมายของ ลิเวอร์พูล และแสดงความต้องการย้ายทีมอย่างชัดเจน
ซึ่งทำให้หลายคนตั้งคำถามว่าเกิดอะไรขึ้นกับสโมสรที่ขึ้นชื่อว่าเป็น "ทีมที่รวยที่สุดในโลก" แห่งนี้
ปัญหาสำคัญที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อการเสริมทัพคือความไม่แน่นอนในทีมงานบริหาร โดยช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา พอล มิทเชลล์ ผู้อำนวยการด้านกีฬา ได้ยื่นหนังสือลาออก ซึ่งแม้จะมีความตึงเครียดในการทำงานร่วมกับผู้จัดการทีมอย่าง เอ็ดดี้ ฮาว แต่ฮาวเองก็ยอมรับว่าบุคคลในตำแหน่งนี้มีความสำคัญอย่างยิ่งในการปกป้องผู้จัดการทีมจากภาระต่างๆ
นอกจากนี้ ดาร์เรน อีลส์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ก็ได้ลาออกไปตั้งแต่ฤดูใบไม้ร่วงที่ผ่านมาด้วยปัญหาสุขภาพ และยังไม่มีการประกาศหาผู้มาแทน ซึ่งสถานการณ์เช่นนี้ทำให้ฮาวและทีมงานของเขา (สตีฟ นิกสัน หัวหน้าแมวมอง และ แอนดี้ ฮาว ผู้ช่วยผู้จัดการทีม) ต้องรับบทหนักในการเดินหน้าเจรจาดีลต่างๆ ด้วยตัวเอง ซึ่งถือเป็นสถานการณ์ที่ห่างไกลจากคำว่าอุดมคติอย่างมาก
แม้จะมีเจ้าของที่มั่งคั่งที่สุดในโลกอย่างกองทุนเพื่อการลงทุนสาธารณะของซาอุดีอาระเบีย (PIF) แต่ นิวคาสเซิล กลับถูกจำกัดงบประมาณการใช้จ่ายด้วยกฎ Profit and Sustainability (PSR) ของพรีเมียร์ลีกอย่างเคร่งครัด รายรับของสโมสรยังคงน้อยกว่าทีมระดับ "บิ๊กซิกซ์" อย่างมีนัยสำคัญ
จากรายงานงบการเงินล่าสุด สโมสรอย่างอาร์เซนอล, เชลซี, แมนฯ ยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูล และ แมนฯ ซิตี้ ต่างใช้จ่ายค่าเหนื่อยนักเตะมากกว่ารายได้ทั้งหมดของนิวคาสเซิลด้วยซ้ำ ซึ่งหมายความว่า นิวคาสเซิลไม่สามารถทุ่มเงินมหาศาลเพื่อจ่ายค่าเหนื่อยที่สูงกว่าทีมอื่นเหมือนในยุคที่ เชลซี หรือ แมนฯ ซิตี้ เคยทำได้ก่อนมีกฎ PSR ทำให้พวกเขาไม่สามารถแข่งขันเพื่อดึงดูดนักเตะระดับท็อปด้วยข้อเสนอทางการเงินที่เหนือกว่าได้
สถานการณ์ของ อเล็กซานเดอร์ อิซัค ดาวยิงตัวเก่งของทีมกำลังเป็นบททดสอบสำคัญของสโมสร อิซัคได้แสดงเจตจำนงชัดเจนว่าต้องการหาทางย้ายทีม ท่ามกลางความสนใจจาก ลิเวอร์พูล ที่ยื่นข้อเสนอ 110 ล้านปอนด์เข้ามาแล้ว แม้จะถูกปฏิเสธไป แต่คาดว่าจะมีข้อเสนอใหม่ตามมา
สถานการณ์นี้ทำให้ นิวคาสเซิล อยู่ในทางสองแพร่ง จะยอมขาย อิซัค เพื่อนำเงินมาเสริมทัพในตำแหน่งอื่น หรือจะยืนกรานที่จะรั้งตัวเขาไว้ แต่ไม่มีงบมากพอจะซื้อนักเตะได้หลายๆราย ยิ่งไปกว่านั้นหากพวกเขาต้องเสียดาวเตะคนสำคัญให้กับทีมคู่แข่งร่วมลีกในช่วงโค้งสุดท้ายของตลาด ก็จะเป็นการส่งสัญญาณที่น่ากังวลถึงความสามารถในการรักษาผู้เล่นระดับท็อปเอาไว้ในทีม
ตลอดช่วงซัมเมอร์นี้ นิวคาสเซิล ได้พลาดการคว้าตัวนักเตะเป้าหมายไปถึง 9 ราย ซึ่งแต่ละดีลก็มีเหตุผลที่แตกต่างกันไป ไล่ตั้งแต่ผู้รักษาประตูถึงกองหน้า
-----
การพลาดเป้าหมายหลายครั้งนี้ทำให้เกิดคำถามมากมาย ทั้งจากแฟนบอลและนักวิจารณ์ ถึงประสิทธิภาพของทีมงานจัดซื้อนักเตะ แต่ในภาพรวมแล้ว นี่คือสถานการณ์ที่ซับซ้อนที่เกิดจากหลายปัจจัย ทั้งปัญหาภายในสโมสร ข้อจำกัดทางการเงิน และแรงดึงดูดของสโมสรที่ประสบความสำเร็จมาอย่างยาวนาน ซึ่งทำให้ทีมของเอ็ดดี้ ฮาวต้องเร่งมืออย่างหนักในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ก่อนที่ตลาดจะปิดลง