
ในการเสวนากับบรรดาคอหนังหรือนักศึกษาภาพยนตร์ว่าด้วย Apple TV+ มักจะมีความเห็นตรงกันทำนองว่า “จำไม่ได้เลยว่ามีซีรีส์อะไรเด่น จำได้แค่ว่าแจกฟรีบ่อยมาก” (ฮา) ก็ต้องยอมรับว่าสตรีมมิ่งนี้ยังสู้เจ้าอื่นๆ ไม่ได้ (ไหนจะประเด็นค่าสมัครรายเดือนที่ค่อนข้างสูงกว่าเพื่อน) ซีรีส์ที่พอจะโดดเด่นบ้างก็เช่น The Morning Show (2019) หรือ Severance (2022) ส่วนเรื่องที่ผู้เขียนชื่นชอบคือ Servant (2019-2023) ผลงานระทึกขวัญโดย เอ็ม. ไนท์ ชยามาลาน (ผู้กำกับเรื่อง The Sixth Sense) แต่เมื่อลองถามคนรอบตัว ก็พบว่าไม่มีใครดูสักคน
Constellation (2024) คือซีรีส์ 8 ตอนของ Apple TV+ เพิ่งออนแอร์จบไปเมื่อปลายเดือนมีนาคม เนื้อหาว่าด้วย โจ (นูมิ ราเพซ) นักบินอวกาศหญิงชาวสวีเดนที่ประสบเหตุยานขัดข้องขณะสำรวจนอกโลก เธอรอดชีวิตกลับมายังโลกได้ แต่ก็มีเรื่องประหลาดมากมาย เช่น เธอเผลอพูดกับลูกเป็นภาษาสวีเดน ทั้งที่ก่อนหน้าสื่อสารกันด้วยภาษาอังกฤษ, เธอจำไม่ได้ว่าเกือบจะเลิกกับสามีก่อนเดินทางขึ้นยาน, สีรถที่ใช้ประจำเปลี่ยนไป หรืออยู่ดีๆ เธอก็เล่นเปียโนได้อย่างคล่องแคล่ว นั่นทำให้โจเริ่มเกิดความคิดว่า ‘โลก’ ที่เธออยู่ตอนนี้อาจไม่ใช่โลกที่เธอรู้จัก
หากมองรายชื่อนักแสดงและผู้สร้างแบบผ่านๆ อาจไม่เห็นชื่อระดับบิ๊กเนม แต่ที่จริงแล้ว Constellation ประกอบด้วยบรรดาคนมีฝีมือ อย่างราเพซ—นางเอกของเรื่อง—ถือว่าเป็นหนึ่งในนักแสดงยุโรปแถวหน้า เธอแจ้งเกิดจากไตรภาค The Girl with the Dragon Tattoo (2009) ส่วนชาวไทยอาจคุ้นหน้าเธอจาก Prometheus (2012) หรือ What Happened to Monday (2017) ที่เธอรับบทเป็นเจ็ดตัวละคร ราเพซเป็นนักแสดงประเภทรับบทหลากหลายและท้าทาย บทบาทล่าสุดที่เธอได้รับคำชมคือ Lamb (2021) ชาวไร่ไอซ์แลนด์ที่เจอสิ่งชีวิตประหลาดในฟาร์มและเอามันมาเลี้ยงเป็นลูก
ส่วนผู้กำกับของ Constellation มีถึง 3 คนด้วยกัน แต่ละคนล้วนมีโปรไฟล์น่าสนใจ ไล่ตั้งแต่ มิเชล แม็กลาเรน ผู้กำกับหญิงที่เคยกำกับบางตอนของ The Walking Dead, Game of Thrones, และ Westworld ต่อมาคือ โอลิเวอร์ เฮิร์ชบิเกล คนทำหนังเยอรมันเจ้าของหนังในตำนาน Downfall (2004) ที่ฉายภาพฮิตเลอร์ในฐานะมนุษย์คนหนึ่ง และคนสุดท้าย โจเซฟ ซีดาร์ ผู้กำกับอเมริกันเชื้อฉายยิว ผลงานสร้างชื่อคือ Footnote (2011) ว่าด้วยคู่พ่อลูกนักนิรุกติศาสตร์ที่ต้องมาแข่งขันกันเอง
เอาเข้าจริงแล้วหนังหรือซีรีส์ไซไฟอวกาศที่มีประเด็น ‘นักบินอวกาศสติแตก’ ไม่ใช่เรื่องใหม่เอาเสียเลย มันถูกนำเสนอมานับครั้งไม่ถ้วน ด้วยเหตุผลนานัปการ ทั้งการเดินทางอย่างยาวนาน ความเวิ้งว้างในอวกาศ ความลี้ลับจากสิ่งที่มนุษย์ไม่รู้จัก ตัวอย่างผลงานเด่นๆ ก็เช่น 2001: A Space Odyssey (1968), Event Horizon (1997), Moon (2009) หรือซีรีส์ Black Mirror ตอน Beyond the Sea (2023)
*บทความต่อจากนี้เปิดเผยเนื้อหาสำคัญของ Constellation
แล้วจุดเด่นของ Constellation คืออะไร? คำตอบคือการเล่นกับประเด็นร่วมสมัยอย่าง multiverse (พหุภพ) ที่เป็นเทรนด์ขึ้นมาจากหนังออสการ์ Everything Everywhere All at Once (2022) แต่คำที่ตรงมากกว่าสำหรับเรื่องนี้คงเป็น parallel universe (จักรวารคู่ขนาน) โดยสรุปอย่างพอเข้าใจ นางเอกได้ค้นพบว่าตัวเธอนั้นมาจากโลก A แต่หลังจากอุบัติเหตุบนยานอวกาศ เธอกลับมาโผล่ที่โลก B อย่างน่าฉงน ซึ่งช่วงแรกโจก็พยายามใช้ชีวิตตามปกติ ก่อนที่เธอจะค่อยๆ แน่ใจว่านี่ไม่ใช่โลกเดิมที่เธอเคยดำรงอยู่ นอกจากนั้นยังมีอีกตัวละครสำคัญคือ อลิซ ลูกสาวของโจ ผู้สัมผัสได้ถึงความผิดปกติเช่นกัน และท้ายสุดก็เอ่ยถามโจว่า “คุณใช่แม่ของหนูหรือเปล่า?”
ช่วงกลางเรื่องของ Constellation จึงเป็นการเล่าสลับไปมาระหว่างโลกคู่ขนาน A และ B บางช่วงก็หลอกล่อคนดูด้วยการไม่บอกอย่างแน่ชัดว่านี่คือโลกไหนกันแน่ ราวกับโลกทั้งสองกำลังเบลอเข้าหากัน และมันก็มีฉากที่โลกทั้งสองเกือบจะมาบรรจบกันจริงๆ เสียด้วย อย่างไรก็ดี ผู้เขียนรู้สึกว่าผู้สร้างใช้เวลากับฉากเหล่านี้มากไปสักหน่อย ผู้ชมจำนวนหนึ่งน่าจะรู้สึกสับสนหรือเหนื่อยล้าทีเดียว ซึ่งนี่คือความเสี่ยงที่จะทำให้คนเลิกดูกลางคัน โดยเฉพาะในยุคที่เรามีหนัง ซีรีส์ และคอนเทนต์สารพัด
หากเป็นหนังหรือซีรีส์ไซไฟกระแสหลักคงจะมีการอธิบายอย่างยืดยาวและซับซ้อนว่าตัวละครข้ามมิติโลกคู่ขนานได้อย่างไร หรือตัวละครคงดิ้นรนสุดชีวิตเพื่อได้กลับไปโลกเดิมของตัวเอง หากแต่ Constellation เลือกวิธีการต่างออกไป ช่วงท้ายของซีรีส์ไม่ได้เน้นความไซไฟมากนัก แต่กลับมุ่งไปที่การจัดการชีวิตของโจตามความเป็นจริง ในที่สุดเธอก็ยอมรับว่าไม่มีทางที่ทุกอย่างจะกลับไปเหมือนเดิม เธอจะต้องอยู่ในโลกใบใหม่ อยู่กับลูกสาวและสามีที่หน้าตาเหมือนคนที่รู้จัก แต่ไม่ใช่คนที่เธอผูกพัน
ในฉากท้ายเรื่องที่โจพูดกับอลิซว่า “ฉันจะพยายามเป็นแม่ของหนูนะ” ส่วนอลิซตอบว่า “หนูก็จะพยายามเป็นลูกของคุณเช่นกันค่ะ” จึงห่างไกลจากฉากจบแบบ happy ending มันกลับเต็มไปด้วยความเศร้าและน่ากระอักกระอ่วน ถึงกระนั้นซีรีส์ก็ยังทิ้งท้ายด้วยคำถามเชิงไซไฟ เมื่อโจได้รับทราบว่าขณะนี้เธอกำลังตั้งครรภ์อยู่ ซีรีส์ไม่ได้ระบุชัดว่าเด็กเกิดช่วงก่อนหรือหลังอุบัติเหตุบนยาน แต่อลิซตั้งคำถามที่น่าสนใจว่า “เด็กคนนี้จะถือว่ามาจากโลก A หรือ B กันแน่”
ตอนจบของ Constellation มีการหักมุมบางอย่างที่ปูทางไปสู่ซีซั่น 2 ได้ (ซึ่งมันไม่ใช่อะไรที่เข้าท่านัก) ในจักรวาลใดจักรวาลหนึ่ง ซีรีส์นี้อาจได้รับความนิยมจนได้รับการสร้างต่อ แต่ในจักรวาลของพวกเรา นี่เป็นซีรีส์คุณภาพพอใช้ที่ไม่ได้รับความนิยมนัก และเป็นอีกครั้งที่ผลงานของ Apple TV+ ยังไม่ไปถึงดวงดาว