svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"วุฒิสภา" เห็นชอบงบประมาณ 2567 ด้วยคะแนน 186 เสียง

26 มีนาคม 2567
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ฉลุย! "วุฒิสภาฯ" เห็นชอบร่างงบประมาณ 2567 วงเงิน 3.48 ล้านล้านบาท ด้าน "อนุทิน" ขอบคุณพร้อมนำข้อเสนอไปปรับใช้ โปร่งใส และประชาชนได้ประโยชน์สูงสุด 

26 มีนาคม 2567 การประชุมวุฒิสภา ที่มี "นายพรเพชร วิชิตชลชัย" ประธานวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม โดยได้พิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 วงเงิน 3,480,000 ล้านล้านบาท ซึ่งสภาผู้แทนราษฎรลงมติเห็นชอบแล้วนั้น

โดย "นายภูมิธรรม เวชยชัย" รองนายกรัฐมนตรี และรมว.พาณิชย์ ชี้แจงการจัดทำร่างพ.ร.บ.งบประมาณ 67 โดยรัฐบาลมีแนวทางจัดทำให้สอดคล้องกับแผนแม่บทและยุทธศาสตร์ชาติ และให้ความสำคัญกับการพัฒนาเศรษฐกิจชีวภาพ เศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจสีเขียว (BCG) มุ่งเน้นขับเคลื่อนให้เศรษฐกิจของประเทศให้มีความมั่นคง เป็นธรรม และลดความเหลื่อมล้ำ เพื่อพัฒนาการบริหารจัดการภาครัฐให้สอดคล้องกับความต้องการของประชาชนในทุกมิติ

นอกจากนี้ มีการจัดสวัสดิการรองรับประชาชนทุกกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง และให้ความสำคัญกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) เพื่อพัฒนาการจัดเก็บรายได้ของท้องถิ่นให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้นและครอบคลุมแหล่งทุน ซึ่งได้ปรับลดงบประมาณที่มีความสำคัญระดับต่ำห รือหมดความจำเป็น เพื่อให้สอดคล้องกับศักยภาพการดำเนินงานของหน่วยรับงบประมาณ โดยคำนึงถึงพ.ร.บ.วินัยการเงินการคลัง เป็นสำคัญ

 

"รัฐบาลยินดีรับฟังข้อคิดเห็นและข้อเสนอแนะของวุฒิสภา ไปปรับปรุงการทำงานของหน่วยรับงบประมาณเพื่อให้การจัดสรรงบประมาณคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อประชาชนอย่างยั่งยืน" นายภูมิธรรม ระบุ  
 

จากนั้น "พล.อ.ชาตอุดม ติตถะสิริ" ประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาศึกษาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 วุฒิสภา นำเสนอรายงานของ กมธ.ที่ได้ประเมินการจัดทำนโยบายโครงการเติมเงิน 10,000 บาท ผ่านดิจิทัลวอลเล็ตของรัฐบาล ที่จะมีการออก พ.ร.บ.กู้เงิน 500,000 ล้านบาท จะทำให้พื้นที่การคลัง เหลือเพียงร้อยละ 6 ซึ่งอาจไม่เพียงพอต่อการรองรับวิกฤติที่จะเกิดขึ้นในอนาคต

ขณะเดียวกัน ยังเสนอแนะการจัดเก็บรายได้ โดยการจัดเก็บภาษีเงินได้จะต้องจัดเก็บทุกภาคส่วน เป็นธรรม ไม่กระทบต่อประชาชนผู้มีรายได้น้อย และต้องมีมาตรการลงโทษรวดเร็วและยุติธรรม เพื่อช่วยให้มีเม็ดเงินในการจัดเก็บที่มีประสิทธิภาพเพื่อพัฒนาประเทศต่อไป 

สำหรับการพิจารณามีสมาชิกวุฒิสภาแสดงความจำนงอภิปราย จำนวน 25 คน ซึ่งการพิจารณาร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ ตามอำนาจของวุฒิสภาไม่สามารถปรับแก้ได้ ส่วนใหญ่จะเป็นการให้ข้อสังเกตและลงมติให้ความเห็นชอบหรือไม่เห็นชอบเท่านั้น 

อย่างไรก็ดี โดย สว. ได้มีการอภิปรายกันอย่างกว้างขวาง ซึ่งเน้นไปที่มาตรา 4 ว่าด้วยงบประมาณในภาพรวมและมาตราอื่น ๆ ที่สนใจ โดยเฉพาะงบกระทรวงศึกษาที่จะต้องดูแลบุคลากร และพัฒนาระบบการศึกษาให้ทันสมัย ก้าวทันความต้องการของเด็กรุ่นใหม่ เพื่อลดปัญหาความ เหลื่อมล้ำทางการศึกษา นอกจากนี้ ยังได้แนะนำให้มีการผลักดันคุณภาพแรงงาน โดยการจัดทำฐานข้อมูล ที่จะต้องได้รับความร่วมมือกับทุกภาคส่วน

นอกจากนี้ ยังมีการอภิปรายงบของกระทรวงคมนาคม ที่ควรจัดลำดับความสำคัญในการดำเนินโครงการต่างๆ อย่าง ทางเชื่อมรถไฟหนองคาย-เวียงจันทน์ หากผลักดันได้ก่อน ก็สร้างเม็ดเงินได้มหาศาล รวมถึงประเด็นการสร้างฝายแกนดินปูนซีเมนต์ ที่ในการประชุมสภาเกิดข้อถกเถียงกันระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกล จนต้องตัดงบการสร้างฝาย

โดย "นายสังศิต พิริยะรังสรรค์" สว. ได้มีการกล่าวพาดพิงถึงพรรคร่วมฝ่ายค้าน พรรคก้าวไกลและพรรคประชาธิปัตย์ ที่ได้มีการนำเสนอข้อมูลเท็จจนเป็นเหตุให้อนุ กมธ.งบประมาณ และสภาผู้แทนราษฎร ตัดงบประมาณในการสร้างฝาย ที่จะช่วยประชาชนได้ในช่วงภัยแล้ง พร้อมตั้งข้อสังเกตว่ามีผลประโยชน์อื่นแอบแฝงหรือไม่

จากนั้นเวลา 16.10 น. ที่ประชุมวุฒิสภา ลงมติเห็นด้วย 186 ไม่เห็นด้วยไม่มี งดออกเสียง 2 เสียง
 
ทั้งนี้ "นายอนุทิน ชาญวีรกูล" รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ได้รับมอบหมายจากนายกฯ กล่าวขอบคุณสมาชิกวุฒิสภาที่ให้ความเห็นชอบร่างพ.ร.บ.งบ 67 ถือว่าเป็นเครื่องมือสำคัญที่จะใช้ในการขับเคลื่อนนโยบายรัฐบาล ยุทธศาสตร์ชาติ และแผนพัฒนาต่างๆเพื่อสนับสนุนการขับเคลื่อน ยกระดับการพัฒนาเศรษฐกิจ สังคม และคุณภาพชีวิตของพี่น้องประชาชนควบคู่ไปกับการรักษาสภาพแวดล้อมเพื่อให้ประเทศก้าวไปข้างหน้าตามนโยบายของรัฐบาลในการสร้างรายได้ ลดรายจ่าย สร้างโอกาส ลดความเลื่อมล้ำ และสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นให้กับพี่น้องประชาชนทุกคน 

สำหรับข้อคิดเห็น คำแนะนำ ความห่วงใย ที่สว.ได้เสนอแนะไว้ตลอดระยะเวลาการประชุม รัฐบาลขอน้อมรับไว้ด้วยความขอบคุณเป็นอย่างยิ่ง และจะได้นำไปประกอบการพิจารณาปรับปรุงการดำเนินงานของหน่วยรับงบประมาณเพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์สูงสุด จากการใช้เงินงบประมาณ นอกจากนี้ ขอบคุณกมธ.วิสามัญฯทุกคน ที่ได้ให้ความสำคัญเสียสละเวลา และความร่วมมือในการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณ อย่างเต็มที่จนสำเร็จลุล่วงไปด้วยดี รวมทั้งข้อสังเกตของกมธ. จะเป็นประโยชน์ต่อการบริหารราชการแผ่นดิน โดยรัฐบาลจะได้นำไปประกอบการพิจารณากำหนดแนวทางการจัดทำงบประมาณ เพื่อให้การจัดสรรมีความคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุดต่อไป

 

"ผมขอให้ความมั่นใจว่านโยบาย มาตรการและงบประมาณที่ได้ผ่านการพิจารณาในครั้งนี้จะถูกนำไปใช้ตามวัตถุประสงค์ และแผนงานที่กำหนด โดยรัฐบาลจะกำกับดูแลเพื่อให้การใช้จ่ายงบประมาณดังกล่าวมีความโปร่งใสและบรรลุผลสำเร็จตามนโยบายที่ได้กำหนดไว้ รวมทั้งเพื่อให้บรรลุเป้าหมายสูงสุดตามความมุ่งหวังของทุกคน ขอให้พี่น้องสมาชิกผู้ทรงเกียรติ ได้กรุณาสนับสนุนรัฐบาลเช่นนี้ต่อๆไป" นายอนุทิน กล่าว

 

จากนั้นนายพรเพชร ได้สั่งปิดการประชุมในเวลา 16.20 น. ซึ่งใช้ระยะเวลาการประชุมทั้งสิ้นเกือบ 7 ชั่วโมง

logoline