22 มีนาคม 2567 ถือเป็นวันสุดท้ายของการพิจารณาร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ. 2567 ในวาระ 2 และวาระ 3 ซึ่งจะเปิดให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ได้อภิปรายพร้อมเสนอปรับลดงบประมาณ ตามความเหมาะสมจำเป็น
แต่มีการจับจ้องต่อประเด็นที่ว่าหากร่างพ.ร.บ.งบประมาณ ซึ่งถือเป็นกฎหมายเกี่ยวข้องกับการเงิน หากไม่ผ่านความเห็นชอบจากสภา เท่ากับเป็นโอกาสในการเปลี่ยนรัฐบาล โดยเฉพาะตัวนายกรัฐมนตรี หลังจากก่อนหน้ามีกระแสข่าวเกี่ยวกับเรื่องนี้มาโดยตลอด
ไร้ข่าวคว่ำงบ 67 หวังเปลี่ยนตัวนายกฯ
โดย "นายเศรษฐา ทวีสิน" นายกฯ และรมว.คลัง ได้เดินทางเข้ารัฐสภา พร้อมให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวการโหวตคว่ำร่างกฎหมายงบประมาณ 2567 เพื่อเปลี่ยนนายกรัฐมนตรีนั้น ยืนยันว่าไม่น่ามีเหตุการณ์นี้เกิดขึ้น และมีเพียงสื่อมวลชนแห่งเดียวที่นำเสนอข่าวนี้ ซึ่งได้ตรวจสอบแล้ว ก็ไม่มีปัญหาใด ๆ และรัฐบาลก็ทำงานด้วยกันดี และยังมั่นใจในพรรคร่วมรัฐบาล
ทั้งนี้ ยอมรับว่า ไม่ได้เตรียมรับมือกับเกมการเมือง ยังคงทำงานต่อไปในทุกวัน และนำผลงานเป็นตัวชี้วัด พร้อมย้ำว่าสามารถทำงานร่วมกับทุกพรรคได้เป็นดี ซึ่งเมื่อคืนนี้ (21มี.ค.) ได้เจอกับ "นายอนุทิน ชาญวีรกูล" รองนายกฯ และรมว.มหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และ "พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง" รมว.ยุติธรรม ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาชาติ ก็ยืนยันว่า ไม่มีสัญญาณใด ๆ หากถ้าวัดจากเรื่องงานเป็นหลัก และการทำงานร่วมกันดี
ส่วนได้สอบถามไปยัง "พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ" หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ หรือแกนนำคนอื่น ๆ ในพรรคพลังประชารัฐหรือไม่นั้น นายกรัฐมนตรี ระบุว่า ไม่ได้ถาม และต้องให้เกียรติซึ่งกันและกัน
ซัดพวกหน้าเดิมไม่หวังดีปล่อยข่าว
ขณะที่ "นายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ" ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมรัฐบาล หรือ วิปรัฐบาล กล่าวถึงประเด็นนี้ว่า ในพรรคร่วมรัฐบาลไม่มีปัญหา และมั่นใจว่าการโหวตวาระ 3 วันนี้ (22มี.ค.) จะผ่านสภาแน่นอน เชื่อว่าทุกพรรคร่วมรัฐบาลมีความสมัครสมานสามัคคี ที่ต้องการให้งบประมาณออกไปสู่หน่วยงานต่างๆ
"7 เดือนที่ผ่านมา ที่ทุกหน่วยงานต่างเฝ้ารอใช้งบประมาณ วันนี้ร่างพ.ร.บ.งบ 67 ต้องเสร็จสิ้น เพื่อส่งต่อให้วุฒิสภาพิจารณา และเชื่อว่าต้นเดือนเม.ย. จะได้มีผลบังคับใช้เพื่อทราบประโยชน์ให้กับประชาชน เช่น การสร้างถนนหนทางและเศรษฐกิจจะหมุนเวียนดีขึ้น ดังนั้น จึงเชื่อว่าทุกพรรคการเมืองจะผลักดันร่างงบประมาณให้ผ่านได้ล้านเปอร์เซ็น" ประธานวิปรัฐบาล กล่าว
ส่วนกระแสการคว่ำร่างพ.ร.บ.งบ 2567 จนนำไปสู่การเปลี่ยนตัวนายกฯ นั้น ส่วนตัวไม่ทราบ แต่คิดว่าน่าจะเป็นพวกเดิมๆ หน้าเดิมๆ ที่ไม่ค่อยหวังดีต่อประเทศชาติบ้านเมือง ไม่มีใครเปลี่ยนตัวนายกฯ แน่นอน
ขณะเดียวกัน ยอมรับว่าการพิจารณางบประมาณปี 2567 ค่อนข้างล่าช้า ซึ่งงบปี 2568 ก็จ่ออยู่ รัฐบาลจึงอยากให้พิจารณางบผ่านไปด้วยความเรียบร้อยไม่ต้องฉุกละหุก ดังนั้น ประมาณเดือน มิ.ย. จึงจำเป็นที่จะต้องขอเปิดการประชุมสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณางบประมาณปี 2568
ยืนยันมติฝ่ายค้านไม่ร่างงบประมาณ 67
ด้าน "นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล" สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกลในฐานะประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน หรือ วิปฝ่ายค้าน ยืนยันว่าฝ่ายค้านมีมติไม่รับร่างงบประมาณ 2567
ส่วนมีกระแสข่าวจะคว่ำร่างพ.ร.บ.ฉบับนี้ ก็ต้องจับตาดูว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น แต่โอกาสเป็นไปได้ยากในวาระนี้ แต่ก็ต้องดูกันต่อไป ส่วนถ้าเกิดขึ้นจริงมองว่าอาจมีความรอยแตกร้าวในพรรคร่วมรัฐบาล หรือมีการแก่งแย่ง แย่งชิงอำนาจที่หลายฝ่ายลือกันก่อนหน้านี้นั้น ถ้าจะมีการแย่งเก้าอี้นายกฯ กัน ซึ่งถ้าเป็นจริงก็คงจะได้เห็นกันว่า ที่ผ่านมามีอะไรเกิดขึ้นบ้างในการร่วมรัฐบาลครั้งนี้
เอาจริงหรือคว่ำกฎหมายเพื่อให้ "บิ๊กป้อม" เป็นนายกฯ
ส่วนความเป็นไปได้ที่ พล.อ.ประวิตร จะขึ้นมาเป็นนายกฯนั้น ขอถามกลับไปว่า "เอาจริงหรือ ถามกับสังคมว่า 4 ปีที่ผ่านมา รู้สึกอย่างไร หากเรามีนายกรัฐมนตรีชื่อพล.อ.ประวิตร"
"เราเลือกนายกฯ ตามความต้องการของประชาชน หรือเลือกตามความต้องการของอะไร จนมองว่าเป็นเรื่องของการแก่งแย่งอำนาจกัน โดยไม่มีประชาชนเป็นสมการประชาชน ก็น่าจะรับรู้ว่าสุดท้ายก็ไม่ได้เป็นประโยชน์กับสังคมคนในชาติ" ประธานวิปฝ่ายค้าน ระบุ
มั่นใจก้าวไกลไร้งูเห่าโหวตสวนมติ
สำหรับฝ่ายค้านจะมีบทลงโทษอย่างไรให้กับคนโหวตสวนมติ ซึ่งส่วนตัวไม่ได้มองว่าเป็นบทลงโทษ แต่เป็นการปฏิบัติร่วมกันตามมติที่มีในพรรคร่วมฝ่ายค้าน ถ้าไม่ได้ปฏิบัติตามมติ ก็อาจจะดำเนินการเหมือนครั้งที่ผ่านมา คือตัดโควตาสัดส่วนวิปฝ่ายค้าน เพราะไม่ได้ปฏิบัติตามมติวิปฝ่ายค้าน ส่วนพรรคการเมืองแต่ละพรรคก็ดำเนินการคนของตนเอง ถ้าพรรคก้าวไกลโหวตสวนมตินั้น ยืนยันว่าไม่มี ร้อยเปอร์เซ็น