svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

ตร.เตรียมนำอดีต CEO สาว ส่งฟ้องคดีเมาขับปี 65 ยันล่าช้าไม่เกี่ยวกับเงิน

02 พฤษภาคม 2567
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ตำรวจเตรียมนำอดีตผู้บริหารสาวบริษัทดัง ส่งฟ้องศาลคดีเมาแล้วขับปี 65 วันที่ 10 พ.ค. นี้ ยอมรับล่าช้าเพราะพนักงานสอบสวนบกพร่อง ดองสำนวนคดี แต่ไม่มีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้องกับการทำสำนวน

2 พฤษภาคม 2567 ความคืบหน้ากรณี คดีผู้บริหารสาวถูกจับกุมเมาแล้วขับ ทำร้ายร่างกาย และต่อสู้ขัดขวางถีบหน้า พ.ต.ท.ดาราธร ขจรศิลป์ รองผกก.5 บก.จร. ระหว่างนำตัวขึ้นรถ ส่งดำเนินคดีที่ สน.ประเวศ เมื่อช่วงกลางดึกวันที่ 24 เม.ย. ที่ผ่านมา ซึ่งเบื้องต้นถูกแจ้ง 3 ข้อหา คือ เมาขับ ทำร้ายร่างกาย และต่อสู้ขัดขวางขณะเจ้าหน้าที่ปฏิบัติหน้า ก่อนได้ประกันตัวออกไป

และจากการตรวจสอบประวัติ พบเคยถูกจับคดีเมาแล้วขับ เมื่อวันที่ 17 ส.ค. 65 ศาลลงโทษรอลงอาญาเป็นเวลา 2 ปี เป็นการจับกุมในพื้นที่ใกล้กับจุดเกิดเหตุครั้งนี้ และตำรวจที่จับกุม ก็เป็นตำรวจจาก กก.5 บก.จร. เช่นเดียวกัน แต่ผู้ต้องหายืนยันว่า ไม่เคยถูกจับมาก่อน ทำให้ พล.ต.ท.ธิติ แสงสว่าง ผบช.น. สั่งตรวจสอบเรื่องดังกล่าว
ตร.เตรียมนำอดีต CEO สาว ส่งฟ้องคดีเมาขับปี 65 ยันล่าช้าไม่เกี่ยวกับเงิน
 

ล่าสุด มีรายงานว่า คดีที่ผู้บริหารสาวถูกจับเมาขับเมื่อปี 65 ตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ได้ 69 มิลลิกรัมเปอร์เซนต์ เกินกว่ากฎหมายกำหนด ชุดจับกุม กก.5 บก.จร. นำส่งพนักงานสอบสวน สน.ประเวศ (ยศ ร.ต.อ.ขณะนั้น) ดำเนินคดี

ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธข้อหา ยืนยันว่าไม่ได้เมา ที่เป่าวัดปริมาณแอลกอฮอล์ได้ 69 มิลลิกรัมเปอร์เซนต์ เพราะใช้สเปรย์แอลกอฮอล์ฉีดฆ่าเชื้อโควิด ฉีดใส่ที่เครื่องเป่าวัดบริมาณแอลกอฮอล์ ให้เจ้าหน้าที่ไปตรวจให้ได้ว่า ตนดื่มเหล้ามาถึงจะยอมรับผิด 

ต่อมาเจ้าของคดียศร้อยตำรวจเอก (ร.ต.อ.) โยกย้ายไปขึ้นตำแหน่งสารวัตร (พ.ต.ต.) พนักงานสอบสวน ที่สน.นางเลิ้ง โผแต่งตั้งระดับรอง สว. ถึงรอง ผกก. ที่ผ่านมา ส่วนสำนวนเมาขับ ผู้บริหารสาวอยู่ที่ สน.ประเวศ ไม่มีพนักงานสอบสวนคนไหนรับผิดชอบ และยังไม่มีการนำผู้ต้องหา ไปส่งฟ้องศาลแต่อย่างใด
ตร.เตรียมนำอดีต CEO สาว ส่งฟ้องคดีเมาขับปี 65 ยันล่าช้าไม่เกี่ยวกับเงิน
 

พ.ต.อ.สุรพงษ์ พุฒขาว ผกก.สน.ประเวศ เปิดเผยถึงกรณีอดีตผู้บริหารสาวเมาแล้วขับ ต่อสู้ขัดขวาง ถึงขั้นถีบหน้า รอง ผกก.5 บก.จร. ระหว่างปฏิบัติหน้าที่ อีกทั้งมีคดีเมาแล้วขับเมื่อปี 65 ว่า สำหรับคดีเมาแล้วขับเมื่อปี 65 นั้น ล่าสุด ได้นัดให้ผู้ต้องหามาพบพนักงานสอบสวน วันที่ 10 พ.ค. 67 นี้ เพื่อนำตัวส่งฟ้องศาล 

ส่วนที่สำนวนคนี้ ยังไมได้มีการส่งฟ้อง เนื่องจากพนักงานสอบสวนในขณะนั้น ได้มีการย้ายไปก่อน พ.ต.อ.สุรพงษ์ กล่าวว่า พนักงานสอบสวนทำสำนวนเสร็จสิ้นแล้ว แต่ย้ายไปก่อนโดย ไม่ได้นัดผู้ต้องหามาส่งฟ้อง และไม่มีใครมาตรวจสอบ ทำให้คดียังค้างอยู่ แต่พอเกิดเหตุการณ์ขึ้นอีก ก็ได้ทำการตราจสอบคดีย้อนหลังในระบบพบว่า มีคดีอยู่ จึงรีบสั่งสำนวนมาดำเนินการนัดส่งฟ้อง ซึ่ง ผบช.น. ได้สั่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงเรื่องนี้แล้วว่า เป็นความบกพร่องของใคร 

ส่วนคดีทำร้ายร่างกาย ตอนนื้อยู่ในขั้นตอนรวบรวมพยานหลักฐาน หากพยานหลักฐานครบ ก็สามารถสรูปสํานวนส่งฟ้องได้เลย โดยต้องทำภายในเวลา 30 วัน หลังจากเกิดเหตุ จะทำให้เร็วที่สุด
พ.ต.อ.สุรพงษ์ พุฒขาว ผกก.สน.ประเวศ

ขณะที่พนักงานสอบสวนที่ทำคดีเมาแล้วขับ เมื่อปี 65 ที่ขณะนี้มียศพันตำรวจตรี อยู่ที่ สน.นางเลิ้ง คือ พ.ต.ต.ศิวนนท์ สงนุ้ย พนักงานสอบสวน สน.นางเลิ้ง เปิดเผยว่า วันที่ตำรวจจราจรกลาง นำตัวผู้ต้องหามาให้ตนทำบันทึกจับกุม คือ 17 ส.ค. 65 ตนได้ธิบายถึงขั้นตอนและข้อหาที่ แต่ผู้ต้องหาปฏิเสธว่า ไม่ได้เมา โดยบอกว่า ปริมาณแอลกอฮอล์ขึ้นสูง เพราะเครื่องตรวจวัดปริมาณแอลกอฮอล์ ปนเปื้อนกับแอลกอฮอล์ที่ฉีดเพื่อฆ่าเชื้อ

ตนจึงนำแอลกอฮอล์ของผู้ต้องหาอ้าง ส่งไปตรวจที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ก่อนอนุญาตให้ประกันตัวโดยในใบสัญญาประกันได้ระบุไว้แนบท้าย ผู้ต้องหาจะต้องมาพบกับพนักงานสอบสวน วันที่ 19 ส.ค. 65 เวลา 08.30 น. เพื่อนำตัวไปผัดฟ้องฝากขัง ตามขั้นตอนของกฎหมาย ในกรณีที่ผู้ต้องหาให้การปฏิเสธ 

ทั้งนี้จากการสังเกต ส่วนตัวตนเห็นว่า ผู้ต้องหามีอาการเหมือนกับคนเมาสุรา และวันที่ 19 ส.ค. 65 ซึ่งเป็นวันนัด ผู้ต้องหาไม่ได้มาพบกับตน ทำให้ไม่สามารถนำตัวไปผัดฟ้องที่ศาลจังหวัดพระขโนงได้ และตนก็ไม่ได้ติดต่อกับผู้ต้องหาอีก เนื่องจากต้องรวบรวมหลักฐานทางคดี และรอผลการตรวจแอลกอฮอล์ส่งตรวจ

กระทั่ง 14 พ.ย. 65 ตนได้ทำหนังสือไปที่กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เพื่อทวงถามถึงผลการตรวจ จากนั้นประมาณ 3 สัปดาห์ กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ จึงส่งผลการตรวจแอลกอฮฮล์ที่ผู้ต้องหาใช้มาให้ จนต้นเดือน ม.ค. 66 ตนได้สรุปสำนวนเรียบร้อย แต่ช่วงกลางเดือน ม.ค.  ติดภารกิจอบรมจึงยังไม่ได้ส่งฟ้องผู้ต้องหา

กระทั่งเดือน ก.พ. ตนถูกคำสั่งย้ายให้ไปปฏิบัติราชการที่อื่น ทำให้สำนวนจึงยังคงอยู่ที่ สน.ประเวศ แต่ตนได้มอบสำนวนให้กับทางโรงพัก เพื่อให้ผู้บังคับบัญชา มอบหมายให้พนักงานสอบสวนรายอื่น รับช่วงต่อตามขั้นตอน กระทั่งทราบข่าวว่า จนถึงขณะนี้ ยังไม่มีการส่งฟ้องอดีตผู้บริหารรายนี้ ทั้งที่ตนสำนวนเสร็จแล้ว ยอมรับว่าตกใจ โดยหลังจากนี้ตนจะต้องไปให้ข้อมูลกับคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงในคดีนี้เช่นกัน
ตร.เตรียมนำอดีต CEO สาว ส่งฟ้องคดีเมาขับปี 65 ยันล่าช้าไม่เกี่ยวกับเงิน

ด้าน พล.ต.ต.ธนันท์ธร รัตนสิทธิภาคย์ ผบก.น.4 เปิดเผยความคืบหน้า คดีอดีต CEO สาว เมาแล้วขับถีบหน้า รอง ผกก.5 บก.จร. ว่า ตอนนี้ ผบช.น. สั่งตรวจสอบข้อจริงทั้งระบบ โดยให้ พ.ต.อ.นิภพล สุขนิยม รอง ผบก.น.4 เป็นประธานการสอบสวนข้อเท็จจริง ขณะนี้อยู่ระหว่างรอผล แต่เบื้องต้น คดีของอดีต CEO สาวรายนี้ ต้องแยกเป็นสองส่วนคือ

คดีล่าสุดแบ่งเป็น 2 คดี คือคดีทำร้ายร่างกายเจ้าพนักงาน ขัดขืนเจ้าพนักงานขณะปฏิบัติหน้าที่ และคดีเมาแล้วขับ โดยคดีทำร้ายร่างกาย ถือเป็นการกระทำที่ไม่ถึงแก่กาย (ไม่ได้รับบาดเจ็บ)​ แต่จากการให้สัมภาษณ์ ของผู้ต้องหากับสื่อมวลชนยอมรับว่า ได้ถีบใบหน้าจริง แต่มีหมวกกันน็อคกั้นไว้ รอง ผกก.จราจร เป็นผู้เสียหายไม่ติดใจ แต่ติดใจคำพูดที่ดูถูกลูกน้องเท่านั้น ส่วนกรณีเมาแล้วขับ พบว่า มีปริมาณแอลกอฮอล์ 104 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ตรงนี้พนักงานสอบสวนดำเนินการตามขั้นตอนการส่งฟ้อง 
พ.ต.ท.ดาราธร ขจรศิลป์ รองผู้กำกับการ 5 กองบังคับการตำรวจจราจร ที่ถูกถีบ

ส่วนคดีเก่าเมาแล้วขับ เมื่อ 17 ส.ค. 65 เบื้องต้น จากการตรวจสอบพบว่า ยังไม่มีการสั่งฟ้อง ถือว่าเป็นความบกพร่องของพนักงานสอบสวนคนเก่าที่อยู่ สน.ประเวศ แต่ปัจจุปันย้ายไป สน.นางเลิ้ง ซึ่งอยู่คนละกองบังคับการกัน จึงต้องทำหนังสือรายงานส่งไป บช.น. ให้ ผบช.น. เป็นผู้พิจารณาสั่งการ และตรวจสอบว่า การทำสำนวนไม่เรียบร้อย ทางผู้บังคับบัญชาก็จะตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัย 

ส่วนการที่พนักงานสอบสวนคนดังกล่าวอ้างว่า ทำสำนวนเสร็จเรียบร้อยก่อนโยกย้ายไป สน.แห่งใหม่ จากการตรวจสอบพบว่า สำนวนคดีไม่เรียบร้อยจริง และยังไม่ส่งฟ้อง ขณะนี้ได้ประสานตัวอดีต CEO สาว ว่า จะมีการนำไปส่งฟ้องในวันที่ 10 พ.ค. 67 นี้ ส่วนเรื่องความไม่เรียบร้อยของสำนวนคดี ถือว่ามีความผิดพลาด ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการตรวจสอบ แต่ยืนยันว่า ไม่มีเรื่องเงินเข้ามาเกี่ยวข้องกับสำนวนแต่อย่างใด เพราะเป็นเรื่องเล็ก แต่อาจเป็นเพราะพนักงานสอบสวนประมาท หรือขี้เกียจ

ส่วนที่มีข้อบกพร่องแต่กลับได้เลื่อนชั้นยศ มองว่าไม่เหมาะสมนั้น มองว่าในตอนนั้นต้นสังกัดไม่รู้เรื่องและเพิ่งมารู้ และเมื่อรู้แล้วก็ได้มีการลงโทษ ส่วนระยะเวลาที่ส่งสำนวนสั่งฟ้องล่าช้านานกว่า 2 ปีนั้น ถือว่าไม่เป็นอุปสรรคในการนำตัวผู้ต้องหาส่งฟ้องแต่อย่างใด  
พล.ต.ต.ธนันท์ธร รัตนสิทธิภาคย์ ผบก.น.4

logoline