รองนายกรัฐมนตรี สมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ระบุ กรณีศาลรัฐธรรมนูญมีมติยุบพรรคไทยรักษาชาติ จะไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อความเชื่อมั่นนักลงทุน เห็นได้จากการหารือกับธนาคารเพื่อความร่วมมือระหว่างประเทศแห่งญี่ปุ่น หรือเจบิกวานนี้ ซึ่งเจบิกไม่ได้แสดงความกังวลถึงเรื่องนี้ ขณะที่เศรษฐกิจไทยช่วงโค้งสุดท้ายก่อนเลือกตั้ง แม้ช่วงนี้ทุกคนจะใจจดใจจ่อกับเรื่องการเลือกตั้ง แต่หลังจากผ่านช่วงเวลาดังกล่าวไปอีก 3 เดือน จะมีความชัดเจน และทุกอย่างจะกลับมาปกติ
ด้านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง อภิศักดิ์ ตันติวรวงศ์ ระบุ การยุบพรรคไทยรักษาชาติไม่มีผลกระทบต่อประเด็นด้านเศรษฐกิจ และไม่มีผลต่อความเชื่อมั่นของนักลงทุนทั้งในประเทศและต่างประเทศ เพราะการเลือกตั้งในวันที่ 24 มีนาคมนี้จะยังมีอยู่ต่อไป และผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่เดิมต้องการลงคะแนนให้พรรคไทยรักษาชาติ สามารถเปลี่ยนไปลงคะแนนให้พรรคอื่นๆได้ จึงไม่มีผลกระทบด้านเศรษฐกิจหรือด้านความเชื่อมั่น
ด้านประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย กลินท์ สารสิน ระบุ การยุบพรรคไม่กระทบเศรษฐกิจและการลงทุนในประเทศ เพราะเป็นคนละเรื่องกัน เชื่อว่าการเลือกตั้งต้องเดินหน้าต่อไป นักลงทุนมองเรื่องความชัดเจนของการเลือกตั้งที่จะมีขึ้น โครงสร้างพื้นฐานต่างของประเทศที่จะมารองรับการลงทุน ขณะนี้ทุกฝ่ายทุกคนอยากให้มีการเลือกตั้ง ทุกอย่างเดินไปตามกฏและกติกา ส่วนหลังจากนี้จะมีความรุนแรงขึ้นหรือไม่ ฝ่ายความมั่นคงต้องเข้ามาดูแล
ด้านประธานสภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย หรือ ส.อ.ท. สุพันธุ์ มงคลสุธี ระบุ เรื่องดังกล่าวไม่กระทบต่อภาพรวมของการประกอบธุรกิจ เพราะไม่มีผลต่อนโยบายด้านเศรษฐกิจ ภาคเอกชนจับตาว่าหลังเลือกตั้งจะเกิดปัญหาความขัดแย้งที่รุนแรงหรือไม่ ถ้าความขัดแย้งมีน้อย ทุกฝ่ายยอมรับผลการเลือกตั้ง จะทำให้ภาคเอกชนกลับมามีความเชื่อมั่นในความมั่นคงของรัฐบาล หันกลับมาขยายการค้าและการลงทุนเพิ่ม แต่หากเกิดความขัดแย้งรุนแรง จะส่งผลกระทบกับเศรษฐกิจอย่างรุนแรง