svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

"ไทย" ทางผ่าน "ไอซ์" ยานรกยอดฮิต "ดารา-ไฮโซ"

21 กันยายน 2560
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

"ยาไอซ์" แม้จะเป็นยาเสพติดที่มีราคาแพง แต่กลับได้รับความนิยมในกลุ่ม ดาราและบุคคลในสังคมไฮโซ ด้วยความเชื่อแบบผิดๆ ที่ว่าเมื่อเสพแล้วจะส่งผลให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งและยังสามารถลดความอ้วนได้ด้วย แม้ผลการจับกุมปี 2560 จะการจับกุมพุ่งขึ้นหลายเท่าตัว หรือกว่า 4 พันกิโลกรัม แต่ส่วนหนึ่งไทยก็เป็นเพียงทางผ่าน ที่จะมี การลักลอบลำเลียงไปยังประเทศที่ 3 เท่านั้น ติดตามจากรายงาน

'ยาไอซ์' จัดเป็นยาเสพติดที่ออกฤทธิ์ต่อจิตและประสาทประเภทที่ 1 ตาม พ.ร.บ.ยาเสพติดปี พ.ศ. 2522 ลักษณะของยาไอซ์ เป็นผลึกคล้ายน้ำแข็ง จึงเป็นที่มาของชื่อ "ยาไอซ์" ยาเสพติดชนิดนี้ไม่มีกลิ่น แต่อันตรายกว่ายาบ้า เพราะออกฤทธิ์แรงกว่า ทำมีอารมณ์เคลิบเคลิ้มสนุกสนานสดชื่นกระปรี้กระเปร่า

อีกทั้งตำแหน่งทางการตลาดยังมีภาพลักษณ์ของการดูดีมีระดับ เนื่องจากยาไอซ์ในระยะแรกถูกนำเข้ามา โดยกลุ่มนักเรียน นักศึกษาที่ไปศึกษาต่างประเทศและกลุ่มชนชั้นสูงทางสังคม เรียกว่ามักจะใช้กันในสังคมไฮโซ หรือ กลุ่มบุคคลที่มีชื่อเสียง
เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ระบุว่า แม้การแพร่ระบาดของยาไอซ์ ยังไม่มากเท่ายาบ้า แต่กลับอยู่ในระดับรุนแรง ซึ่งปี 2559 ตำรวจปราบปรามยาเสพติดสามารถจับกุมได้ กว่า 600 กิโลกรัม แต่ถัดมาในปี 2560 ผลการจับกุมกลับเพิ่มสูงขึ้นหลายเท่าตัว เกือบ 4000 กิโลกรัม ส่งผลให้เจ้าหน้าที่ต้องจับ ตาเป็นพิเศษเลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด ระบุอีกว่า ยาไอซ์ที่มาจำหน่ายใน เมืองไทย เริ่มต้นจากแหล่งผลิตที่มีอยู่ 2 แห่งใหญ่ คือบริเวณสามเหลี่ยมทองคำ กับชายแดนประเทศจีนตอนใต้ ติดกับประเทศพม่า

จากนั้นจะมีการลำเลียงเข้ามายังประเทศไทย ผ่านทางชายแดนด้านภาคเหนือ ก่อนลักลอบลำเลียงมาอีกครั้ง เพื่อมาพักในพื้นที่ภาคกลาง กรุงเทพฯ และปริมณฑลจากนั้นจะลำเลียงลงไปยังภาคใต้ เพื่อลักลอบลำเลียงนำออกไยังประเทศมาเลยเซีย ก่อนกระจายต่อไปยัง ประเทศที่ 3 เช่น ออสเตรเลีย สหรัฐอเมริกา
ขณะที่ราคาของยาไอซ์จากแหล่งผลิตแต่ละแห่งจะไม่เท่ากัน เพราะแตกต่างกันที่คุณภาพ โดยยาไอซ์จากสามเหลี่ยมทองคำจะมีราคาสูงกว่ายาไอซ์ที่ผลิตในประเทศจีน เนื่องจากมีการว่าจ้างนักเคมีมาผลิตสารตั้งต้น และ ผสมตัวยาเสพติด เป็นลักษณะของอุตสาหกรรม

แต่ถึงอย่างไรยาเสพติด ก็คือยาเสพติด หากมีไว้ครอบครองเพื่อเสพหรือจำหน่ายจะมีโทษตามกฎหมายคือ จำคุก 10 ปี และปรับ 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ และกรณีที่มีการครอบครองเกินกว่า 20 กรัมกฎหมายให้ถือว่า มีไว้เพื่อจำหน่าย มีโทษสูงสุดคือ ประหารชีวิต

logoline