เปิดโทษฉีกบัตรประชามติ

สมชาย สีสันต์ อายุ 41 ปี ชาวจังหวัดกาญจนบุรี ถูกตำรวจจับกุมในฐานะผู้ต้องสงสัย จากเหตุการณ์บุกเข้าไปฉีก และขโมยบัญชีรายชื่อผู้มีสิทธิ์ลงประชามติ เบื้องต้น สารภาพว่า ต้องการนำรายชื่อไปเพิ่มยอดสมาชิกปั๊มน้ำมัน แม้ยืนยันว่า ไม่มีเจตนาทางการเมือง แต่ตำรวจเตรียมดำเนินคดีข้อหาลักทรัพย์ และ ผิด พ.ร.บ.ประชามติ
เหตุการณ์ทำนองเดียวกันนี้ ยังเกิดขึ้นที่จังหวัดกำแพงเพชร กกต.พาเด็กหญิง 8 ขวบ 2 คนไปแจ้งความกับตำรวจ หลังสารภาพว่าเป็นผู้ฉีกบัตรรายชื่อจริง โดย กกต.ยืนยันว่า ต้องดำเนินคดีไปตามที่กฏหมายบังคับ และไม่ให้ถูกข้อหาละเว้นปฏิบัติหน้าที่
ประธาน กกต. ศุภชัย สมเจริญ ยืนยันว่า ไม่ว่าจะฉีก เผา ทำลาย หรือ ขโมย ล้วนเป็นพฤติกรรมที่เข้าข่ายผิด พรบ.ประชามติ โดยเฉพาะมาตรา มาตรา 61 วรรค 1 ที่ห้ามผู้ใดก่อให้เกิดความวุ่นวาย เพื่อให้การออกเสียงไม่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย มาตรา 61 วรรค 1 ผู้ใดก่อให้เกิดความวุ่นวาย เพื่อให้การออกเสียงไม่เป็นไปด้วยความเรียบร้อย โดยต้องโทษจำคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับไม่เกิน 2 แสนบาทมาตรา 61 วรรค 4 ห้ามเปิด ทําลาย ทําให้บัตรออกเสียงเสียหาย โดยมีโทษจําคุกไม่เกิน 10 ปี และปรับ ไม่เกิน 2 แสนบาท ศาลอาจสั่งให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งมีกําหนดไม่เกินห้าปีด้วยก็ได้ เหล่านี้คือกฏป้องกันความวุ่นวาย ตาม พ.ร.บ.ประชามติ
ประธาน กกต. ระบุว่า จนถึงตอนนี้พบเหตุการณ์ฉีกรายชื่อผู้มีสิทธิ์ลงประชามติแล้ว ใน 8 จังหวัด โดยเกือบทั้งหมดให้การปฏิเสธว่า ไม่เกี่ยวข้องกับการเมือง แต่เป็นเพียงความคึกคะนอง และรู้เท่าไม่ถึงการณ์ / กกต.มั่นใจว่า ยังสามารถควบคุมสถานการณ์ได้และไม่กระทบต่อการลงประชามติ 7 สิงหาคม