svasdssvasds
เนชั่นทีวี

อาชญากรรม

ศาลฎีกาไม่รับฎีกา"สาวซีวิค"สู้คดีเฉี่ยวรถตู้ ดับ 9 ศพ ปี 53

11 พฤษภาคม 2558
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

ศาลฎีกาไม่รับฎีกาสาวซีวิคสู้คดีเฉี่ยวรถตู้ ดับ 9 ศพ ปี 53 ทนายญาติเหยื่อระบุสุดท้ายคดีอาญาสิ้นสุดตามคำตัดสินศาลอุทธรณ์รอลงอาญา 4 ปีฐานขับรถประมาท เตรียมคัดคำสั่งเดินหน้าสืบพยานคดีแพ่งเรียกค่าเสียหายกว่า 100 ล้าน ด้านแม่คนขับรถตู้น้ำตาซึม พ้อไม่เคยได้รับการเยียวยา

--ศาลเยาวชนและครอบครัวกลาง ถนนกำแพงเพชร --11พ.ค.58--เวลา 13.30 น. ศาลนัดอ่านคำสั่งศาลฎีกา ที่ น.ส.แพรวา (นามสมมุติ) อายุ21ปี จำเลยคดีขับรถยนต์โดยประมาท จนเป็นเหตุในผู้อื่นถึงแก่ความตาย ได้ยื่นฎีกาคดีหมายเลขดำ อ.1233/2554 ที่พนักงานอัยการ เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.แพรวา (นามสมมุติ) เป็นจำเลย ในความผิดฐานขับรถยนต์โดยประมาทจนเป็นเหตุในผู้อื่นถึงแก่ความตาย และได้รับอันตรายต่อร่างกายบาดเจ็บสาหัส และทรัพย์สินเสียหาย และใช้โทรศัพท์ขณะขับรถยนต์จากกรณี วันที่ 27 ธ.ค.2553 จำเลยซึ่งเป็นเยาวชนอายุ17ปี ขับรถยนต์ฮอนด้า ซีวิค หมายเลขทะเบียน ฎว8461กรุงเทพฯ ขึ้นบนทางยกระดับโทลล์เวย์ และพุ่งชนกับรถตู้โดยสาร รถยนต์ตู้โดยสารทะเบียน13-7795 กรุงเทพฯ วิ่งระหว่างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ศูนย์รังสิต-อนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิ เป็นเหตุให้มีผู้เสียชีวิตกระเด็นตกจากทางด่วน รวม 9 ศพ
โดยคดีดังกล่าวศาลชั้นต้น มีคำพิพากษาเมื่อวันที่ 31 ส.ค. 2555 ว่า จำเลยมีความผิดฐานขับรถประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและทำให้ทรัพย์สินเสียหาย เป็นเวลา 3 ปี คำให้การในชั้นพิจารณาเป็นประโยชน์ลดโทษให้1ใน3คงจำคุกเป็นเวลา 2 ปี โทษจำคุก ให้รอลงอาญาเป็นเวลา 3 ปี โดยคุมประพฤติจำเลย 3 ปี และให้รายงานตัวทุกๆ3เดือนพร้อมให้ทำงานบริการสังคมโดยการดูแลผู้ป่วยจากอุบัติเหตุเป็นเวลา 48 ชั่วโมง รวมทั้งห้ามจำเลยขับรถยนต์จนกว่าจะมีอายุครบ25ปีบริบูรณ์ ส่วนความผิดฐานใช้โทรศัพท์ขณะขับรถ ศาลพิพากษายกฟ้อง เนื่องจากไม่สามารถนำสืบได้ว่าจำเลยใช้โทรศัพท์จริงหรือไม่
ต่อมาศาลอุทธรณ์ มีคำพิพากษา เมื่อวันที่ 22 เม.ย.2557 แก้เป็นว่า จากที่รอลงอาญา 3 ปี ให้ระยะเวลารอลงอาญาเป็น 4 ปี และให้บำเพ็ญประโยชน์ 48 ชั่วโมงต่อปี เป็นเวลารวม 4 ปี ส่วนโทษอื่นให้คงตามศาลชั้นต้นโดยจำเลยยื่นฎีกาต่อสู้คดี
อย่างไรก็ดีวันนี้ ญาติผู้เสียชีวิตซึ่งเป็นโจทก์ร่วมเดินทางมาศาล ส่วนจำเลยและครอบครัวพร้อมทนายความ เดินทางมาศาลแต่จำเลยได้พยายามจะหลบเลี่ยงผู้สื่อข่าวและช่างภาพ ขณะที่ศาลอนุญาตให้เฉพาะคู่ความเท่านั้นเข้ารับฟังคำสั่งได้
ทั้งนี้ศาลฎีกา พิเคราะห์แล้ว มีคำสั่งไม่รับฎีกาของจำเลย เนื่องจากคำร้องฎีกาไม่มีสาระสำคัญที่จะเปลี่ยนแปลงคำสั่งของศาลล่างที่ไม่รับฎีกา
ภายหลังฟังคำสั่ง น.ส.อิสรีย์ยา ธนะชวาลย์ ทนายความญาติผู้เสียหาย กล่าวว่า คดีนี้จำเลยเป็นฝ่ายยื่นฎีกา โดยก่อนหน้านี้จำเลยได้ยื่นฎีกาต่อศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์แล้ว แต่ศาลไม่รับฎีกา จำเลยจึงได้ยื่นคำร้องฎีกาต่อศาลฎีกาอีกครั้ง ซึ่งประเด็นที่จำเลยยื่นนั้นต่อสู้ว่าไม่มีเจตนากระทำประมาทแต่ศาลได้พิเคราะห์แล้วเห็นว่าคำร้องฎีกาของจำเลยไม่เป็นประเด็นที่จะรับไว้พิจารณา 
ดังนั้น คดีอาญานี้ผลจึงถือว่าสิ้นสุดตามคำพิพากษาของศาลอุทธรณ์ที่ให้จำคุกจำเลยเป็นเวลา 2 ปี แต่โทษจำคุกให้รอลงอาญาไว้ 4 ปี และห้ามขับรถจนกว่าอายุ 25 ปีบริบูรณ์ ซึ่งหลังจากนี้จะขอคัดคำสั่งของศาลฎีกา และนำไปยื่นต่อศาลแพ่ง เพื่อให้ดำเนินสืบพยานต่อในคดีที่ญาติผู้เสียชีวิตได้ยื่นฟ้องบิดา-มารดาจำเลยให้ชดใช้ค่าเสียหาย 120 ล้านบาท ที่ก่อนหน้านี้ศาลแพ่งได้สั่งจำหน่ายคดีไว้ชั่วคราว เพื่อรอผลทางอาญา
ด้านนางทองพูน พานทอง มารดาของ น.ส.นฤมล ปิตาทานัง คนขับรถตู้ซึ่งเสียชีวิต กล่าวว่า ศาลมีคำสั่งไม่รับฎีกาที่จำเลยยื่น ซึ่งเราก็ยอมรับตามกระบวนการของกฎหมาย ทั้งนี้ ขอบคุณสื่อที่ให้ความสนใจและไม่ลืมกัน
เราอยากให้คดีจบโดยเร็ว วันนี้เหมือนแผลกำลังหายแล้ว แต่ก็มาเจอสะกิดอยู่เรื่อยๆ อย่างไรก็ตาม จนถึงตอนนี้ยังไม่ได้รับการเยียวยาใดๆ จากจำเลย และไม่เคยคุยหรือโทรศัพท์มาหา ขอให้เหลียวมองเราสักนิด ไม่ต้องมากมาย เจอหน้าคุยกันบ้าง หรือแค่บอกว่าเสียใจด้วยนะเราก็ชื่นใจแล้ว แต่เราไม่เคยได้ยินจากปากเขาเลยนางทองพูน กล่าวทั้งน้ำตา

logoline