svasdssvasds
เนชั่นทีวี

สังคม

เรือจ้างใกล้เกษียณสุดเศร้า!!! "ออมสิน-เจ้าหนี้รุม" ฟ้องไม่มีบ้านจะอยู่

23 กรกฎาคม 2561
เกาะติดข่าวสาร >> Nation Story
logoline

แม้ว่าธนาคารออมสิน ประกาศว่าพร้อมประนอมหนี้กับครู ซึ่งเป็นลูกหนี้ แต่สำหรับครูพัชราพร ศักดิ์คำดวง ครูผู้สอนที่โรงเรียนแห่งหนึ่ง ในจ.อุดรธานี กำลังเดินไปสู่เส้นตาย 5 สิงหาคม 2561 ที่จะต้องย้ายออกจากบ้านซึ่งเป็นมรดกชิ้นเดียวที่เหลืออยู่ ส่วนคดีที่ธนาคารออมสินฟ้องร้อง กำลังเข้าสู่กระบวนการยึดทรัพย์ผู้ค้ำประกัน

ครูพัชราพร ศักดิ์คำดวง เล่าอย่างไม่อายว่า หนี้สินที่เกิดขึ้นเป็นเพราะความหวังดีที่มีให้กับหลานแท้ๆ และคนใกล้ชิด ด้วยการขายสมบัติ หยิบยืมเงินทอง ส่งให้ไปลงทุนจำนวนหลายล้านบาท แต่แล้วโดนโกงไม่ได้เงินกลับคืนมาทั้งต้นทั้งดอก ทำให้ครูต้องก้มหน้าใช้หนี้ที่ตัวเองก่อ โดยเงินกู้ที่ 1. หนี้สหกรณ์ 2 ล้านบาท 2.หนี้ธนาคารออมสิน วงเงินกู้ ช.พ.ค. 1 ล้านบาท เงินกู้พัฒนาชีวิตครู 2 ล้านบาท 3.หนี้บ้าน 3.8 ล้านบาท


ครูพัชราพร เล่าต่อว่า เมื่อปี 2557 ธนาคารออมสิน ได้มีหนังสือทวงถามการชำระหนี้ เพราะตลอดมาหลังจากการกู้มีการจ่ายเงินเพียงบางส่วน ทำให้ธนาคารออมสิน ฟ้องร้อง กำหนดให้จ่ายเงิน 1 ล้านบาท และค่าธรรมเนียม จึงได้ไปประนอมหนี้ และปรับโครงสร้างหนี้ แต่ครู มีเงินเดือนเหลือไม่มาก การจ่ายเงินทำได้เพียงบางส่วน ต่อมาได้มีหนังสือจากธนาคารออมสิน จะยึดที่ดินคนค้ำประกัน ให้เจ้าของโฉนดที่ดินซึ่งครูขอยืมเพื่อนมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกัน นำมามอบให้เจ้าหน้าที่บังคับคดี เพื่อขายทอดตลาด ครูพัชราพร รู้สึกผิดไม่น้อย ต้องพาให้คนค้ำประกันเดือดร้อนไปด้วย


ส่วนเรื่องบ้าน เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อประมาณปี 2557 ต่อเนื่อง 2558 ครูได้นำบ้านไปขายฝากกับนายทุน ในวงเงิน 2,500,000 บาท กำหนดระยะเวลา 6 เดือน แต่จ่ายไม่ครบ เกินกำหนดไป 1 เดือน นายทุนจะยึดบ้าน และบังเอิญ ไปพบเจ้าหน้าที่ฝ่ายกฎหมาย ธนาคารอาคารสงเคราะห์ มาบอกว่า จะดำเนินการนำบ้านและที่ดินไปกู้ที่ธนาคารอาคารสงเคราะห์ โดยจะให้พี่ชายและพี่สะใภ้มาเป็นคนกู้แทน เพราะครูไม่มีเครดิตแล้ว ขอค่านายหน้า 400,000 บาท เมื่อรวมเงินที่เป็นหนี้ 2.5 ล้านบาท เท่ากับว่าเป็นหนี้ 2.9 ล้านบาท แต่เจ้าหน้าที่คนนี้สามารถทำเรื่องกู้จาก ธอส.ได้ 3.8 ล้านบาท คิดว่าพอจะมีส่วนต่างได้ใช้หนี้อื่นได้บ้าง ทว่า หลังจากธนาคารอนุมัติเงินกู้ 3.8 ล้านบาท นายหน้าเหลือเงินให้ครูเพียง 100,000 บาท ส่วนที่เหลืออ้างเป็นค่าธรรมเนียม ค่าโอน ค่าประกัน


ระหว่าง นั้น ครูวิ่งเต้นหาเงินมาซื้อบ้านคืนโดยฝ่ายโน้นจะขายในราคา 4.1 ล้านบาท กระทั่งครูทำเรื่องขอปรับโครงสร้างหนี้กับ สกศค. ซึ่งจะได้รับอนุมัติแล้วเป็นรายที่ 2 ของจังหวัดอุดรธานี แต่มีการเปลี่ยนบอร์ดบริหาร เรื่องจึงเงียบไป


ต่อมา ฝ่ายพี่ชายและพี่สะใภ้ พนักงานธอส. ได้ฟ้องร้องขับไล่ครูออกจากบ้าน กระทั่งศาลตัดสินให้ครูอยู่บ้านได้ถึงเดือนกันยายน 2560 และถ้าไม่ออกให้จ่ายค่าเช่าเดือนละ 20,000 บาท ซึ่งครูเองก็ไม่มีค่าเช่า จนเมื่อเดือนธันวาคม 2560 มีโนติสจากฝ่ายโจทก์ให้ครูออกจากบ้านภายในเดือนมกราคม 2561 ซึ่งครู ไม่มีที่ไป จึงยังคงอาศัยอยู่ในบ้านหลังนั้น กระทั่งวันที่ 7 พฤษภาคม 2561 มีตำรวจ 4 นาย มาที่โรงเรียนพาตัวครูไปที่โรงพัก และนำตัวไปที่ศาล ผู้พิพากษาได้สอบถามถึงคดี และแต้งข้อกฎหมายว่าจะต้องออกจากบ้าน ขอให้กำหนดวันที่จะออกจากบ้าน แต่ครูขออยู่จนเกษียณอายุราชการ ศาลบอกว่า การอยู่ต่อต้องคุยกับฝ่ายโจทก์ ในวันนั้น ศาลเรียกหลักทรัพย์ประกันตัว ครูไม่มีเงินจึงใช้ตำแหน่งเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันในวงเงิน 50,000 บาท วันนั้นจึงรอดไม่ถูกควบคุมตัวในศาล


เรือจ้างใกล้เกษียณสุดเศร้า!!! "ออมสิน-เจ้าหนี้รุม" ฟ้องไม่มีบ้านจะอยู่




ต่อมา ครูได้พบเจ้าหน้าที่อาสาสมัครศูนย์ช่วยเหลือลูกหนี้ ที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม กระทรวงยุติธรรม จึงทราบว่าครูโดนเอาเปรียบ จึงพาครูมาร้องเรียนที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ


สำหรับปัญหาบ้าน ล่าสุด จากการพูดคุยกับโจทก์ เมื่อวันที่ 25 มิถุนายนที่ผ่านมา โจทก์ ยังคงยืนยันให้ครูออกจากบ้านและที่ดินตัวเองภายในกำหนดเส้นตาย วันที่ 5 สิงหาคม ถ้าไม่ย้าย ครูจะต้องจ่ายเงินค่าเช่า 40,000 บาทซึ่งครูก็ไม่รู้ว่าจะหาเงินค่าเช่ามาจากที่ไหน เพราะลำพังเงินเดือนต่อเดือนขณะนี้เหลือเพียงหลัก 1,000 บาทต้องทำอาชีพเสริม เพื่อหารายได้มาจุนเจือชีวิต ที่ผ่านมาครูใช้หนี้มาตลอด และด้วยเพราะตัวคนเดียว คิดคนเดียว หาเงินใช้หนี้คนเดียว จึงหาทางออกไม่เจอ อยากขอให้สกสค.พิจารณาเรื่องปรับโครงสร้างหนี้ของครูก่อนที่ครูจะเกษียณแล้วจะไม่เหลืออะไรติดตัว


logoline