svasdssvasds
เนชั่นทีวี

Key Person

หลังจากนี้สงขลาจะไม่มีวันหลับใหล คำมั่นจาก “สุพิศ” นายกอบจ.

มนต์เสน่ห์แห่ง "สงขลา" เมืองใต้ คละเคล้าด้วยความหลากหลายทางวัฒนธรรมจากหลายเชื้อชาติ ภายใต้การบริหารงานของนายก อบจ. คนใหม่ พร้อมพัฒนาสงขลารอรับนักท่องเที่ยวไปเยือน

หลังจากนี้สงขลาจะไม่มีวันหลับใหล คำมั่นจาก “สุพิศ” นายกอบจ.

หลังจากนี้สงขลาจะไม่มีวันหลับใหล คำมั่นจาก “สุพิศ” นายกอบจ.

เนชั่นทีวีได้มีโอกาสสัมภาษณ์ สุพิศ พิทักษ์ธรรม นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลา อดีตอธิบดีกรมฝนหลวง และการบินเกษตร หลังชนะเลือกตั้งนายก อบจ.สงขลา แบบขาดลอย พร้อมประกาศชัด สงขลาเปลี่ยน! หลังจากนี้สงขลาจะไม่มีวันหลับใหล?

เมื่อถามถึงจุดเด่นของจังหวัดสงขลา หลายคนอาจจะนึกถึงหาดใหญ่ หาดสมิหลา ตลาดกิมหยง แต่แท้จริงแล้ว เมืองสงขลายังมีที่ท่องเที่ยวชิวๆ เก๋ๆ คละเคล้าเรื่องราวเก่าๆ กลิ่นไอประวัติศาสตร์ อีกหลายแห่ง ดั่งที่นายกฯ สุพิศ ได้ลั่นวาจาไว้ว่า จะเปลี่ยนให้ “สงขลา” เป็นเมือง Festival 16 อำเภอ ของสงขลาจะไม่มีวันหลับไหล พร้อมขับเคลื่อนแก้ปัญหาเร่งด่วน ถนนปลอดภัยไร้หลุม ไร้ฝุ่น เร่งจัดตั้งศูนย์เครื่องจักรกลส่วนหน้า อบจ. ให้ครบทั้ง 4 มุมเมือง เพื่อช่วยเหลือประชาชนอย่างทันท่วงที

หลังจากนี้สงขลาจะไม่มีวันหลับใหล คำมั่นจาก “สุพิศ” นายกอบจ.

นายกฯ สุพิศ เล่าว่า "จริงๆ ย้อนกลับไปผมทำกิจกรรมกับสงขลามาเยอะมากนะครับ ผมเอาพี่เบิร์ด ธงชัย มาเล่น ผมจัดแข่งมวย มหกรรมมวยไทย สนับสนุนการกีฬามาโดยตลอด ปัจจุบันจึงได้รับแต่งตั้ง จากการคัดเลือกให้เป็นกรรมการกีฬาจังหวัดสงขลา, ประธานจัดหารายได้ของกองทุนกีฬาจังหวัดสงขลา, ประธานชมรมกีฬาจักรยานจังหวัดสงขลา, นายกสมาคมกีฬามวยอาชีพภาคใต้ โปรโมเตอร์ จัดการแข่งขันมวยสนามมวยลุมพินี ผมสังเกตทุกๆ ครั้ง ที่ผมจัดกิจกรรมพวกนี้  ผมว่าสงขลามันคึกคัก มันว้าว สงขลามันไม่หลับ"

หลังจากนี้สงขลาจะไม่มีวันหลับใหล คำมั่นจาก “สุพิศ” นายกอบจ.

ประมาณ 10 กว่าปีที่แล้ว ตอนที่ผมไปอยู่กรุงเทพฯ ผมมองว่าสงขลาซบเซามีจัดงานอีเวนต์ ก็ทำเล็กๆ ลงทุนทั้งแสน สองแสน สามแสน ผมมองว่าแบบนั้นมันไม่ยั่งยืน เศรษฐกิจมันไม่กระเตื้องก็เหมือนเอาคนมาเที่ยวแล้วก็กลับบ้าน ผมมานั่งคิดจะทำอย่างไรให้คนมาเที่ยวแบบหลายๆ วัน มาเที่ยวแบบค้างคืน เพราะฉะนั้นการทำอีเวนต์ขนาดใหญ่ มันตอบโจทย์อย่างไรก็คุ้มอย่างไรก็ได้เรื่องกระตุ้นเศรษฐกิจ การจับจ่ายในจังหวัด

ผมเลยคิดว่าในยุคของผม 4 ปีนี้ ผมจะลงทุนปีละร้อยล้าน จัด Festival ทั้ง 16 อำเภอ แต่ก็ให้ทุกคนมีส่วนร่วมไม่ใช่ผมคิดเองทำเองนะ ท้องถิ่นต้องคิดมานำเสนอ อาจจะเป็นงานกีฬาก็ได้ วัฒนธรรมก็ได้ หรือกิจกรรมที่เขาเคยทำกันอยู่แล้ว แต่เราทำให้ใหญ่ขึ้น ทำหลายๆ วัน อะไรอย่างนี้ ปีแรกอาจจะยังไม่ค่อยเห็นผล แต่ปีที่ 2 เนี่ยแหละ อาศัยการปากต่อปากด้วย อาศัยสื่อเชิญชวนด้วย วางไทม์ไลน์ รายเดือน ออกเป็นปฏิทินรายปีได้เลย ผมว่ามันทำได้และยิ่งใหญ่ได้จริงๆ 
หลังจากนี้สงขลาจะไม่มีวันหลับใหล คำมั่นจาก “สุพิศ” นายกอบจ. หลังจากนี้สงขลาจะไม่มีวันหลับใหล คำมั่นจาก “สุพิศ” นายกอบจ.

สะพานติณสูลานนท์

การทำเศรษฐกิจให้ดีมันมีสองวิธีวิธีที่ หนึ่งก็คือ มันต้องเกิดการลงทุนขนาดใหญ่แล้วเศรษฐกิจในจังหวัดนั้นก็จะยั่งยืน เช่น มีท่าเรือ มีโรงงานอุตสาหกรรม มีโรงงานฮาลาล เขาจะได้จ้างงาน แต่การจัดอีเวนต์เล็กๆ เป็นการสร้างสิ่งที่มันเป็น ฟองสบู่ วูบเดียว แต่ถ้าจัดงาน Festival มันจะสร้างสิ่งที่มันดีกว่าอีเวนต์หลายช่วงตัว เพราะฉะนั้นผมก็เลยจำภาพนี้มา

อยากให้คนสงขลามีเงินก็ต้องสร้าง!!!

อย่างสะพานติณสูลานนท์ ผมมีความคิดจะเอาแบบอย่างเกาหลี ประดับไฟ ทำสวยๆ ลงทุนสัก 30-40 ล้าน ให้คนอยากมาถ่ายรูป มาดูไฟก็ต้องมาตอนกลางคืนตอนคืนก็ต้องนอนถูกมั้ย นอนค้างก็จะเกิดรายได้เข้าจังหวัด

พออ่านถึงช่วงนี้ผู้อ่านน่าจะพอเห็นแนวคิด และความลูกทุ่ง ของ นายกฯ “สุพิศ พิทักษ์ธรรม” บ้างแล้ว และอาจสงสัยว่าเขาเป็นใคร

“นายสุพิศ พิทักษ์ธรรม” เคยเป็น อดีตอธิบดีกรมฝนหลวง รับข้าราชการมาเกือบครึ่งชีวิต แต่เพราะเหตุใดถึงก้าวมานั่งเก้าอี้ นายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดสงขลาได้

นายกฯ สุพิศ เล่าว่า  ผมเกิดมาในครอบครัวที่มีพี่น้อง 6 คน อาชีพของพ่อก็ทำงานรับจ้างทั่วไป แม่เป็นแม่บ้านทำทุกอย่าง เป็นชีวิตที่บ้านๆ มากๆ ครอบครัวมีน้อง 4 คน และมีพี่ชาย 1 คน ผมเป็นคนที่ 2 ทุกคนอายุไล่เลี่ยกัน หัวปีท้ายปี ชีวิตในไว้เด็กก็ได้เรียนแค่ ปวช. จากนั้นก็เข้าไปสอบ กพ. เพื่อบรรจุข้าราชการ ประมาณปี 2531 สอบติดบรรจุได้เป็นราชการช่างเครื่องกลหนึ่ง ที่กรมชลประทาน ในสายเครื่องจักรกล ทำได้ปีกว่าๆ ด้วยความที่ว่าตำแหน่งงานมันไม่โต เลยเข้าไปเรียนตอนเย็นที่เทคโนโลยีหมู่บ้านครู เพื่อให้ตำแหน่งโตขึ้น จนเรียนจบ สำเร็จการศึกษาและได้ทำเรื่องขอย้ายตำแหน่งรับราชการมาอยู่หาดใหญ่ ก็ได้กลับมาใช้ชีวิตอยู่สงขลา กว่า 20 ปีแล้ว

หลังจากนั้นก็ไปเรียนมหาวิทยาลัยราชภัฏ เพิ่มจนจบปริญญาตรี และได้เรียนต่อ ปริญญาโท ในสาขารัฐศาสตร์ ที่ มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์ ก็จบเมื่อประมาณปี 2548 - 2549 ระหว่างนั้นก็ยังรับราชการกรมชลประทานอยู่นะครับ และก็ได้เริ่มทำธุรกิจส่วนตัวควบคู่ไปด้วย จนพอมีฐานะขึ้นมา 

จนมีอยู่วันหนึ่ง เจ้านายในกรมชลบอกว่า “ถ้าอยากเป็นผู้บริหารกรมชลทาน ต้องไปจบวิศวะมาให้ได้นะ” นายท่านนั้นชื่อสัญชัย เกตุวรชัย อดีตอธิบดีกรมชลฯ คนที่ 31 ด้วยความที่ถูกเขาท้าทาย เรามันมีความทะเยอทะยาน อายุ 40 แล้วแต่ก็ไม่ยอมแพ้ ผมจึงไปเรียนปริญญาตรี วิศวะอีก 4 ปี ที่มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีราชมงคลศรีวิชัย จบจนได้ นายก็ทำตามสัญญานะ เรียกประชุมแล้วปรับตำแหน่งให้เลย 

นายท่านนั้นให้ผมไปเป็นผู้บริหารสำนักฯ ระดับซี 9 อยู่ที่ปากเกร็ด จ.นนทบุรี อยู่ 5 ปี

ปี 2564 ผมได้ไปเป็นรองอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร จนเดือนมีนาคม ปี 2566 ขึ้นเป็นอธิบดีกรมฝนหลวงและการบินเกษตร  

เหตุผลที่ตัดสินใจเล่นการเมืองท้องถิ่น

“ผมมองว่าถ้าอยากพัฒนาบ้านเมือง พัฒนาองค์กร จะเป็นแค่ ผอ.สำนักฯ มันไม่มีทางพัฒนาได้ ถ้าอธิบดี รองอธิบดีไม่เอาด้วย ถูกมั้ย แล้วอธิบดีจะมีเวลาไหนมานั่งพัฒนา ต้องติดตามนายพอคิดจะพัฒนาหน่อยก็ถูกร้องเรียนอีกว่า ลำเส้น โชว์พราว” 

หลังจากนี้สงขลาจะไม่มีวันหลับใหล คำมั่นจาก “สุพิศ” นายกอบจ.

สะท้อนชีวิตข้าราชการ จากมุมมองที่รับราชการมาครึ่งชีวิต

ชีวิตข้าราชการที่อยากให้เปลี่ยนแปลงคือวัฒนธรรมทางความคิด ถ้าเราไม่มีความคิดที่จะพัฒนาบ้านเมืองก็อยู่กับที่ คนที่จะพัฒนาได้ก็คือ คนเป็นอธิบดี ถ้าอธิบดีไม่คิดจะพัฒนา แล้วใครจะทำได้ เหมือนผมมาเป็นนายกฯ เพราะต้องการพัฒนาบ้านเมือง ถ้าเป็นกำนันก็พัฒนาไม่ได้ ถ้าเป็นผู้ว่าฯ ยิ่งไม่ได้ เพราะผู้ว่าฯ เดี๋ยวอยู่เดี๋ยวไป นายกฯ สุพิศ กล่าว

นอกจากจะดันเมืองสงขลาเป็นศูนย์กลางการท่องเที่ยวแล้ว ยันมุ่งดัน “สงขลาเมืองกีฬา”

  • พัฒนาสนามกีฬา อบจ.ให้ได้มาตรฐาน เพื่อรองรับการแข่งขันกีฬาระดับชาติ
  • จัดสนับสนุนการจัดการแข่งขันกีฬา-กรีฑาในระดับต่างๆ ของจังหวัดสงขลา
  • ผลักดันการแข่งขันกีฬาระดับนานาชาติ
  • สร้างสนามกีฬาเอ็กซสตรีม สำหรับคนรุ่นใหม่

“ที่สนับสนุนเรื่องกีฬา เพราะสงขลาเป็นเมืองกีฬา อยากทำให้คนสุขภาพร่างกายดีขึ้น สุขภาพดีขึ้นก็ไม่ต้องไปวุ่นวายกับเรื่องของโรคภัย แล้วปัจจุบันผู้อาวุโส ก็เต็มบ้านเต็มเมือง ถ้าเราสนับสนุนเรื่องกีฬา ผู้อาวุโส จะได้ไม่เบื่อมีอะไรให้ทำเยอะแยะ” นายกฯ สุพิศกล่าว

ไลฟ์สไตล์ส่วนตัว นายกฯ สายสปอร์ต

"ตอนเช้าๆ ก็จะออกปั่นจักรยาน คือปั่นมานานแล้วนะ10 - 20 ปี ผมเคยปั่นจักรยานไปกว่า 100 กิโล ปั่นขึ้นเขาใหญ่ โคราช ปั่นขึ้นดอยสุเทพ เชียงใหม่โดยที่เท้าได้แตะพื้นเลยนะ ผมยังเป็นประธานชมรมปั่นจักรยานในสงขลา เป็นนายกสายสปอร์ตเพราะชอบเรื่องกีฬา

ตอนนี้เลยวางแผน ตั้งคณะทำงานงานเรื่องกีฬา ของ อบจ. หวังจัดมาราธอน, ปั่นจักรยาน, มวย, ฟุตบอล, วอลเลย์บอลชายหาด ก็ตามความมุ่งหวัง สงขลาไม่หลับไหล" 

หลังจากนี้สงขลาจะไม่มีวันหลับใหล คำมั่นจาก “สุพิศ” นายกอบจ.

จบเกม “อควาเรียมหอยสังข์”  หนามตำใจชาวสงขลา

อควาเรียมหอยสังข์ หรือ โครงการก่อสร้างศูนย์ศึกษาการเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำทะเลสาบสงขลา วางแผนการสร้างตั้งแต่ ปี 2536 สร้างบนพื้นที่ วิทยาลัยประมงติณสูลานนท์ ต.พะวง อ.เมือง จ.สงขลา 

โดยมีวัตถุประสงค์ใช้เป็นสถานที่จัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ พันธุ์ไม้น้ำ และการเพาะขยายพันธุ์ที่มีความทันสมัย เป็นสถานที่ศึกษาวิจัย และจำลองระบบนิเวศทะเลสาบสงขลา ใช้งบประมาณไปแล้วกว่า 1,400 ล้าน ใช้เวลากว่า 15 ปี ก็ยังไม่ได้ใช้ประโยชน์ ถูกทิ้งร้าง และพบผู้มีส่วนทุจริต 27 คน ตัดทอนสเปกงานกว่า 102 รายการ 

อ่านข่าวที่เกี่ยวข้อง 
https://www.nationtv.tv/news/region/378933535
https://www.nationtv.tv/news/region/378883103

นายกฯ สุพิศ เล่าว่า จริงๆ ไม่ใช่สานต่อ แต่เราจะเอาเรื่องราว ที่มันไม่ดี เรื่องราวที่มันโทรมๆ ที่เกิดขึ้นในสงขลา เอามาเปลี่ยนแปลงให้เป็นเรื่องดี ผมมองว่าเป็นโอกาสทำให้เป็นแลนด์มาร์กซะเลย ตอนนี้ถามว่าคนรู้จักอควาเรียมหอยสังข์ไหม คงรู้จักกันทั้งประเทศแล้ว ซึ่งจากการได้พูดคุยร่วมกับผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา โดยท่านผู้ว่าฯ เป็นเสาหลักและจะเดินหน้าทำให้เป็นสถานที่แสดงพันธุ์สัตว์น้ำ 50% ปรับปรุงภายในให้กลายเป็นศูนย์ประชุมเพื่อจัดแสดงสินค้า OTOP และเปิดเป็นพื้นที่ให้คนรุ่นใหม่ได้เข้ามาใช้พื้นที่ในการเล่นกีฬาเอ็กซ์สตรีม

หลายคน เขาก็คิดว่าผมมันขี้คุย โม้ ทำไม่ได้จริงหรอก ปัญหามันเยอะแยะแก้ไม่ได้หรอก ผมก็รู้ แต่ผมคิดว่ามันไม่ต้องลงทุนอะไรมากมาย ขอลองทำก่อนถ้าทำไม่ได้จะมาบอกอีกทีว่าติดปัญหาอะไรใครไม่ให้ความร่วมมือ แต่ขอลองทำก่อน  

 

ไม่ได้อยากวัดรอยเท้าป๋าเปรม แต่ยึดเป็นต้นแบบชีวิต

จากนโยบายข้อหนึ่งที่ นายกฯ สุพิศ ได้ประกาศไว้ว่าจะ สืบสานปณิธาน ป๋าเปรม - เปรม ติณสูลานนท์ นายกฯ ได้แบบอย่างจากป๋าอย่างไรบ้าง

“เรื่องความซื่อสัตย์ทำเพื่อส่วนรวม โดยไม่หวังผลประโยชน์” ผมเชื่อว่า ผมมาถึงจุดนี้แล้ว ชีวิตผมเหลืออีกไม่กี่ปีก็ต้องดับสิ้น ผมจะสร้างประวัติศาสตร์ ไม่ได้ทำไปเพื่อหวังวัดรอยเท้า” คือบางคน ก็เข้าใจไปแบบผิดๆ พูดเหมือนผมจะวัดรอยเท้าป๋า มันไม่ใช่ ผมจะเอาท่านเป็นเยี่ยงอย่าง ผมไม่มีสิทธิจะเป็นคนดีบ้างหรอ  

ป๋าเนี่ยเขาเป็นคนรุ่นพ่อเรา หรือแก่กว่าพ่อเราอีก เพราะฉะนั้นผมก็อยากให้เด็กในรุ่นต่อไปเห็นเราเป็นตัวอย่างบ้าง ถ้าเราไม่คิดอย่างนี้ต่อไปเด็กก็จะไม่มีใครที่จะยึดถือเป็นตัวอย่าง เรามีโอกาสดีเกิดมาได้เห็นป๋าเปรมเป็นตัวอย่าง แต่เด็กรุ่นหลังเราไม่เห็น นายกฯ สุพิศ กล่าว 

 

ดันสงขลาเมืองเก่า เป็นมรดกโลก 

เรื่องนี้มันต้องดันให้เป็นสตอรี่ มีเรื่องราว เล่าตั้งแต่เมื่อ 1,000 ปีที่แล้ว ว่าคนจีนโพ้นทะเลมาขึ้นเรือสำเภาตรงนี้ เรือค้าขายมันมาอยู่นี่ มาทางนี้ ต้องทำเป็นท่าเรือจำลอง เป็นเมืองจำลอง สำเภาจำลอง ให้เห็นภาพในสถานที่จริงเลยเรื่องนี้ต้องค่อยๆ ลงทุนไปแต่ที่สำคัญที่สุดเนี่ย อบจ. ต้องส่งเสริมให้สิ่งเหล่านี้จับต้องได้ไม่ใช่เรื่องระยะสั้นต้องวางแผนเป็น 10 ปี เรื่องนี้ต้องทำเป็นขั้นตอนจัดการวางแผนจนถึงทำเรื่องยื่นยูเนสโก  

หลังจากนี้สงขลาจะไม่มีวันหลับใหล คำมั่นจาก “สุพิศ” นายกอบจ.

ชีวิตจะสำเร็จได้ ต้อง ไม่มี 3 ขี้  

ต้องไม่ขี้เกียจก่อนคนขี้เกียจเนี่ย หุงข้าวก็ขี้เกียจมันก็อดตายตรงนั้น แล้วต้องไม่ขี้เหนียว คนขี้เหนียวทำอะไรก็ไม่ปัง ไม่เกิด เพราะถ้าขี้เหนียวแล้ว ก็หาความสำเร็จในชีวิตไม่ได้เลย แล้วขี้โกง หากขี้โกงอย่าว่าเลยนะแม้แต่พ่อแม่ก็ไม่โอเค มันทำลายทุกสิ่งทุกอย่างทั้งชีวิตทำลายหมดเลย 3 ขี้เนี่ย มันจะหาความสำเร็จในชีวิตไม่ได้เลย 

ตอนนี้เราไม่ต้องเปรียบเทียบอะไรกับใคร เรามาเพื่อสร้างประวัติศาสตร์ ทำเพื่อครอบครัว เพื่อให้ลูกหลานเรา เพื่อตระกูลเรา จะได้เห็นว่าเราเป็นนักการเมืองน้ำดี มืออาชีพ และซื่อสัตย์ สุจริต ต่อพี่น้องประชาชน นั้นเป็นอย่างไร