
30 ธันวาคม 2565 ข่าวเศร้าวงการลูกหนังโลก เมื่อมีการยืนยันข่าวเศร้าอย่างเป็นทางการว่า เปเล่ ได้เสียชีวิตลงอย่างสงบ ในวัย 82 ปี หลังต่อสู้กับอาการป่วยมาอย่างยาวนาน ตามการยืนยันของ เคลลี คริสตินา นาสซิเมนโต ลูกสาวของเปเล่
"เอ๊ดสัน อรันเตส โด นาสซิเมนโต้" หรือที่รู้จักในนาม "เปเล่" ได้มีอาการอาการตัวบวม และ หัวใจล้มเหลว จนต้องเข้ารักษาตัวเมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน จากนั้นในช่วงต้นเดือนธันวาคมที่ผ่านมาเจ้าของฉายา "ไข่มุกดำ" ที่ต้องต่อสู้กับโรคมะเร็งลำใส้มาอย่างยาวนาน ได้เข้าสู่การดูแลช่วงระยะสุดท้ายของชีวิต หลังจากร่างกายไม่ตอบสนองต่อวิธีเคมีบำบัดก่อนสุดท้ายจะเสียชีวิตในที่สุด
เปิดชีวิต "เปเล่" ราชาลูกหนังโลก
"เปเล่" ถือว่าเกิดมาเพื่อเป็นนักฟุตบอลโดยแท้ เพราะตั้งแต่เด็กเขามักจะเล่นฟุตบอลกับ เจา รามอส โด นาสซิเมนโต ที่มีฉายาในวงการลูกหนังว่า "ดอนดินโฮ" เรียกได้ว่าเป็นทั้งพ่อและโค้ชคนแรกของเขาที่มีอาชีพเป็นนักฟุตบอลอาชีพสังกัดสโมสร ฟลูมิเนนเซ (Fluminense Football Club) แม้เปเล่จะมีพ่อเป็นนักฟุตบอลสโมสรแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะมีวัยเด็กที่ดีไปกว่านักเตะคนอื่นเท่าไรนัก
เขาเกิดที่เมืองเตรสโกราโซยส์ รัฐมีนัสเชไรส์ แต่ก็ไปเติบโตที่เมืองยากจนอย่างเมืองเบารู รัฐเซาเปาลู ทำให้นอกจากฝึกซ้อมฟุตบอลแล้ว ในเวลาว่างเขาก็ต้องหาเงินด้วยการรับขัดรองเท้าในละแวกบ้านและสโมสรฟุตบอลประจำเมือง ไปจนถึงสถานีรถไฟโนรีเอสเต
ในส่วนของฟุตบอลเปเล่เริ่มหัดเตะฟุตบอลโดยมีพ่อของเขาคอยสอนตั้งแต่เริ่มวิ่งได้ แต่ก็ยังคงเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะลูกฟุตบอลถือเป็นสิ่งของราคาแพงเกินกว่าครอบครัวของเขาจะหาซื้อได้ ทำให้เขาต้องใช้ถุงเท้า ผ้า หรือกระดาษหนังสือพิมพ์ นำมาม้วนเป็นก้อนกลมแล้วมัดด้วยเชือกผูกรองเท้าให้แน่น เพื่อให้ใกล้เคียงลูกฟุตบอลที่สุด และในที่สุดเมื่อเขาอายุได้ 6 ขวบ เขาก็ได้ลูกฟุตอลลูกแรกจากพ่อ ซึ่งหลังจากนั้นเขาก็ได้ก้าวเข้าสู่วงการลูกหนังมืออาชีพ เมื่อเขาอายุ 9 ขวบ ก็ได้เข้าร่วมทีม "สโมสร 7 กันยา" ซึ่งชื่อทีมดังกล่าวสื่อถึงวันเอกราชของบราซิลอีกด้วย
เปเล่ในวัย 13 ปี ได้รับการชักชวนจาก วัลเดมาร์ เดอ บริโต ให้เข้าร่วมในทีมฟุตบอลสมัครเล่น แต่เขาสามารถพาทีมคว้าแชมป์ประจำรัฐได้ถึง 3 ปี ติดต่อกัน เป็นการเข้าสู่เส้นทางนักฟุตบอลอาชีพเต็มตัวเมื่อเขาอายุ 15 ได้รับคัดเลือกให้เข้าทีมเยาวชนของ ซานโตส (Santos Futebol Clube) หรือ Santos FC junior team ที่ทำให้เขาได้กลายเป็นนักฟุตบอลอาชีพและนักเตะทีมชาติที่สร้างตำนานบทใหม่ในเวลาต่อมา
เด็กชายผู้สร้างแรงบันดาลใจให้ใครหลายคน
ในที่สุดความพยายามของเปเล่และผู้เป็นพ่อก็เป็นผล เมื่อเขาได้เป็นนักฟุตบอลอาชีพของสโมสร Santos Futebol Clube ในตำแหน่งกองหน้าและกองกลางตัวรุก ซึ่งในเกมแรกเขาสามารถยิงได้ถึง 4 ประตู คว้าชัยชนะไปครอง และยังเป็นผู้เล่นที่ทำประตูได้มากที่สุดจนเป็นดาวยิงของลีก ทำให้เป็นจุดเริ่มต้นของ ราชาลูกหนังโลก เพราะเมื่อเขาอายุ 17 ปี ก็ได้เป็นตัวจริงของทีมชาติบราซิลลงสู้ศึกฟุตบอลโลกในปี 1958 ที่ประเทศสวีเดน
นอกจากนี้ เขายังเป็นนักฟุตบอลอายุน้อยที่สุดที่ยิงประตูในนัดชิงชนะเลิศและเป็นนักเตะทีมชาติอายุไม่เกิน 24 ปี ที่ยิงประตูได้ถึง 7 ประตู อีกด้วย หลังจากนั้นทำให้ชื่อของเปเล่โด่งดังไปทั่วโลกด้วยฝีเท้าอันเป็นที่ประจักษ์ และการคว้าชัยชนะให้ทีมชาติบราซิลถึง 3 สมัย
หากนับรวมประตูทั้งหมดที่เปเล่ยิงได้ในฐานะนักเตะสโมสรและในฐานะนักเตะทีมชาติตั้งแต่ 1957–1971 รวม 1,301 นัด จากทั้งหมด 1,390 นัด ด้วยกัน เป็นเครื่องการันตีว่าฉายา “ราชาลูกหนังโลก” ไม่ใช่ได้มาเพราะโชคช่วย หลังจากนั้นในปี 1977 เขาได้เกษียณตัวเองจากการเป็นนักฟุตบอลอาชีพ หรือที่เรียกกันว่า “แขวนสตั๊ด” ก่อนจะเข้าสู่บทบาททางการเมือง ด้วยการเข้ารับตำแหน่ง รัฐมนตรีกระทรวงกีฬาคนแรกของบราซิลในปี 1990-1998 และหันมาช่วยเหลือเด็กด้อยโอกาสผ่านมูลนิธิเปเล่ในปี 2018
แม้ปัจจุบันเปเล่จะไม่ได้มีบทบาทใดในด้านกีฬาแล้วก็ตาม แต่สำหรับนักฟุตบอลรุ่นหลังไม่เพียงแค่ในบราซิล แต่รวมถึงนักเตะรุ่นใหม่ทั่วโลกนั้น ยกให้เปเล่เป็นไอดอลและเป็นแรงบันดาลใจในการเล่นกีฬาและการเสียสละเพื่อทีมชาติ เพราะมีนักฟุตบอลหลายคนที่เคยออกมาเปิดเผยว่า มีเปเล่เป็นแรงบันดาลใจ แม้ว่าฟุตบอลโลกปีนี้เปเล่จะไม่ได้ไปเชียร์อยู่ขอบสนามเหมือนกับหลายครั้งในอดีต แต่เขาก็ยังยืนยันว่าจะคอยเชียร์ทีมชาติบราซิลอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อเป็นกำลังใจให้นักเตะที่ลงสนาม
และเมื่อเกมจบลงมีนักเตะและคนในวงการลูกหนังแซมบ้าหลายคนที่โพสต์ขอบคุณและเป็นกำลังใจให้เปเล่ในโซเชียลมีเดีย เช่น “ติเต” โค้ชทีมชาติบราซิลคนปัจจุบัน ได้โพสต์ภาพทีมนักเตะที่ถือป้ายภาพ “เปเล่” ลงในอินสตาแกรมพร้อมข้อความว่า “ไม่ว่าจะมีการแข่งขันสักกี่ครั้ง แต่ทุกครั้งคือมาจากความยิ่งใหญ่ของคุณ เรายืนเคียงข้างคุณเสมอ”
โดยในเกมแข่งขันบอลโลกครั้งล่าสุด ที่บราซิลเจอกับเกาหลีใต้ในรอบ 16 ทีมสุดท้าย (5 ธ.ค.22) บราซิลเอาชนะไปได้ถึง 4-1 เมื่อการแข่งขันจบลงก็ได้มีการนำภาพของเปเล่ขนาดใหญ่ออกมาโชว์ที่กลางสนามและบนที่นั่งผู้ชมเพื่อส่งกำลังใจไปถึง “เปเล่” ผู้เป็นทั้งต้นแบบ และเป็นส่วนสำคัญที่ทำให้บราซิลสามารถเป็นแชมป์โลกได้ถึง 5 สมัย
ขอบคุณข้อมูล : กรุงเทพธุรกิจ