ท็อป 10 แข้งดังของโลกชวดลุย "เวิลด์คัพ 2022"
ใกล้เข้ามาแล้วกับการแข่งขันฟุตบอลโลก 2022 ทัวร์นาเมนต์ที่คอบอลทั่วโลกรอคอย แต่ครั้งนี้บรรดาแข้งดังมากมายต่างต้องพลาดโอกาสลงแข่ง ด้วยอุปสรรค์ต่างๆนานา
จาก 211 ประเทศสมาชิกฟีฟ่า มีเพียง 32 ประเทศเท่านั้นที่สามารถจองที่นั่งในฟุตบอลโลกปี 2022 ได้ ทำให้มีนักเตะชื่อดังมากมายที่จะต้องพลาดโอกาสลงแข่งขันทัวร์นาเมนต์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลกครั้งนี้
และนี่คือรายชื่อ 10 นักเตะที่หายไปจากการแข่งขันฟุตบอลโลกเนื่องจากทีมของพวกเขาไม่ผ่านเข้ารอบในการแข่งขัน
1. เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ - นอร์เวย์
เออร์ลิ่ง ฮาลันด์ เปิดตัวในเวทีระดับนานาชาติตั้งแต่อายุ 19 ปีและยิงได้ 21 ประตูจาก 23 นัดในนามทีมชาติ
อย่างไรก็ตาม ฮาลันด์ ซึ่งเป็นกองหน้าดาวรุ่งที่ดีที่สุดของโลกในปัจจุบัน ทำได้เพียง 5 ประตูระหว่างรอบคัดเลือกฟุตบอลโลก นอร์เวย์เก็บ 18 คะแนนจากการแข่งขันรอบคัดเลือก 10 นัดและจบอันดับสามรองจากเนเธอร์แลนด์และตุรกี ร่วงตกรอบคัดเลือกอย่างน่าเสียดาย
อย่างไรก็ตามด้วยวัยแค่ 22 ปี ฮาลันด์ ยังมีโอกาสอีกมากมายที่จะชดเชยการพลาดโอกาสในครั้งนี้
โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ดาวเตะ "หงส์แดง" มีอันต้องพลาดโอกาสลงแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งแรกของตะวันออกกลาง เนื่องจากประเทศของเขาล้มเหลวในการผ่านเข้ารอบ
อียิปต์และซาลาห์ พลาดท่าแพ้ เซเนกัล ถึงสองครั้งในระยะเวลาสองเดือน ครั้งแรก พวกเขาแพ้ในศึก แอฟริกัน คัพ ออฟ เนชั่นส์ รอบชิงชนะเลิศในเดือนกุมภาพันธ์ จากนั้นการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบคัดเลือกก็มาถึง ซึ่งทั้งสองทีมก็ต้องไปตัดสินด้วยการดวลจุดโทษอีกครั้ง และทีมของ ซาลาห์ ก็แพ้ไป 1-3
ซาลาห์ ลงแข่งขันฟุตบอลโลกครั้งแรกเมื่อปี 2018 ที่รัสเซีย แต่เขาได้รับบาดเจ็บและล้มเหลวในการพาอียิปต์ผ่านรอบแบ่งกลุ่ม
ด้วยอายุ 30 ปี คงต้องรอดูกันต่อไปว่า ซาลาห์ จะยังสามารถลงเล่นฟุตบอลโลกอีกครั้งได้หรือไม่
3. ดาบิด อลาบา - ออสเตรีย
ปีนี้ ดาบิด อลาบา ได้รับรางวัลนักกีฬายอดเยี่ยมของออสเตรียเป็นครั้งที่ 3 ของตัวเอง รวมถึงรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของออสเตรียสมัยที่ 8 และการคว้า 4 แชมป์กับต้นสังกัด เรอัล มาดริด
แม้จะเป็นนักฟุตบอลที่ดีที่สุดของออสเตรียในช่วงทศวรรษที่ผ่านมา แต่อดีตกองหลังบาเยิร์น มิวนิค ต้องพลาดการเล่นฟุตบอลโลกเนื่องจากประเทศของเขาไม่ผ่านรอบคัดเลือก โดยออสเตรียทำผลงานได้อย่างน่าผิดหวัง ด้วยชัยชนะแค่ 5 จาก 10 เกมของพวกเขา ก่อนที่ความหวังในการลุยบอลโลกจะจบลงด้วยการแพ้ เวลส์ 1-2 ในศึก เนชั่นส์ ลีก รอบเพลย์ออฟ
4. ริยาด มาห์เรซ - แอลจีเรีย
ริยาด มาห์เรซ ผู้คว้ารางวัลนักเตะแอฟริกันยอดเยี่ยมแห่งปีของ CAF ในปี 2016, แชมป์แอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ในปี 2016 และแชมป์พรีเมียร์ลีก 2 ครั้งจาก 2 สโมสร นับเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ดีที่สุดจากแอฟริกาในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา
ปีกชาวแอลจีเรียที่เกิดในฝรั่งเศสเป็นส่วนหนึ่งของทีมในฟุตบอลโลกปี 2014 แต่ทีมของเขาก็ล้มเหลวมาตลอดในรอบคัดเลือก 2 ครั้งถัดมา โดยเฉพาะครั้งนี้ที่พวกเขาพ่าย แคเมอรูน ในรอบเพลย์ออฟ ชวดคว้าตั๋วอย่างน่าเสียดาย
และน่าจะทำให้ความหวังของมาห์เรซในการเล่นฟุตบอลโลกอีกครั้งต้องเลือนลางเต็มที เนื่องจากอีก 4 ปีข้างหน้าเขาจะมีอายุ 35 ปีแล้ว
การเดินทางของ มาร์ติน โอเดการ์ด จากแข้งเยาวชนสู่การเป็นนักฟุตบอลอาชีพเป็นไปอย่างรวดเร็ว
โอเดการ์ด เปิดตัวในลีกอาชีพเมื่ออายุ 15 ปี และกลายเป็นเจ้าของสถิติผู้ทำประตูที่อายุน้อยที่สุดในลีกของนอร์เวย์ เขาย้ายไป เรอัล มาดริด ในอีก 1 ปีต่อมา แต่ไม่ประสบความสำเร็จจนต้องย้ายมาอยู่กับ อาร์เซนอล
โอเดการ์ดได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในนักเตะดาวรุ่งที่เก่งที่สุด และไม่แปลกใจเลยที่เขาทำสถิติติดทีมชาติชุดใหญ่ของนอร์เวย์ตั้งแต่เมื่ออายุได้ 15 ปี มิดฟิลด์รายนี้ได้รับการยกย่องอย่างมากจากวิสัยทัศน์ในการครองบอลและจ่ายบอล รวมถึงลูกตั้งเตะ
อย่างไรก็ตาม พรสวรรค์ของเขาไม่เพียงพอที่จะเห็นทีมชาตินอร์เวย์ผ่านบอลโลก โดยนอร์เวย์จบที่สามในกลุ่มเท่านั้น
6. จานลุยจิ ดอนนารุมม่า - อิตาลี
เมื่อจานลุยจิ บุฟฟ่อน อำลาทีมชาติ อิตาลีมีปัญหาแค่เล็กน้อยในการหาผู้สืบทอดตำแหน่งของเขา โดย จานลุยจิ ดอนนารุมม่า ไม่เพียงแทนที่ชื่อและไอดอลของเขาด้วยความมั่นใจเท่านั้น เขายังพิสูจน์ตัวเองว่าเป็นผู้รักษาประตูระดับท็อปที่อายุน้อยที่สุดในโลก
ดอนนารุมม่าลงเล่นอาชีพให้เอซี มิลานในปี 2015 และยึดตำแหน่งตัวจริงได้ในปีถัดมา ก่อนย้ายไปปารีส แซงต์ แชร์กแมง
ขณะที่อาชีพของบุฟฟ่อนกำลังจะสิ้นสุดลง ดอนนารุมมาก็เริ่มสร้างตัวเองให้เป็นผู้สืบทอดที่คู่ควร เขาเข้ามาแทนที่บุฟฟ่อนในการแข่งขันในปี 2017 กลายเป็นผู้รักษาประตูที่อายุน้อยที่สุดที่เล่นให้ทีมชาติอิตาลีเมื่ออายุ 17 ปี
ดอนนารุมมาได้รับเลือกให้เป็น 11 นักเตะยอดเยี่ยมของยูโร 2020 เนื่องจากมีบทบาทสำคัญในการช่วยให้อิตาลีคว้าแชมป์
แต่ความล้มเหลวของอิตาลีในการผ่านเข้ารอบฟุตบอลโลกอีกครั้งหมายความว่าดอนนารุมมาต้องรออย่างน้อยอีกสี่ปีก่อนที่จะเปิดตัวฟุตบอลโลกครั้งแรกของเขา
7. ฟรองค์ เกสซิเยร์ – ไอวอรี่ โคสต์
ต่างจากดาวดังอื่นๆ จากแอฟริกา การเดินทางของ ฟรองค์ เกสซิเยร์ ไม่ได้เริ่มต้นตั้งแต่อายุยังน้อย
ฟรองค์ เกสซิเยร์ เล่นฟุตบอลระดับสโมสรในประเทศบ้านเกิดของเขาจนถึงอายุ 18 ปี ก่อนที่จะย้ายไปอิตาลีกับอตาลันต้า ครั้งหนึ่งในอิตาลี เขาสร้างชื่อเสียงให้กับเอซี มิลาน โดยลงเล่น 223 นัดและยิง 37 ประตูใน 5 ฤดูกาล
ส่วนนามทีมชาติ ฟรองค์ เกสซิเยร์ เล่นให้ไอวอรี่ โคสต์ ตั้งแต่อายุ 17 ปีและยิงไปแล้ว 7 ประตูจาก 60 เกมในทีมชาติ แม้ว่าเขาจะไม่ได้เล่นทัวร์นาเมนต์ใหญ่ๆ ให้กับ ไอวอรี่ โคสต์ มากนัก แต่เขาก็เป็นกำลังสำคัญที่ช่วยให้ทีมชาติผ่านเข้าถึงรองตัดเชือกศึก แอฟริกา คัพ ออฟ เนชั่นส์ ในปี 2019
อย่างไรก็ตามในศึกฟุตบอลโลกรอบคัดเลือก 2022 ไอวอรี่ โคสต์ พลาดคว้าตั๋วอย่างน่าเสียดาย โดยนัดสุดท้ายกับแคเมอรูน พวกเขาขอแค่ไม่แพ้ก็จะผ่านเข้ารอบทันที แต่สุดท้ายก็ทำไม่สำเร็จ
8. หลุยส์ ดิอาซ - โคลอมเบีย
หลุยส์ ดิอาซ เจ้าของตำแหน่งดาวยิงสูงสุดของโคปา อเมริกา ปี 2021 กลายเป็นตัวความหวังของวงการฟุตบอลโคลอมเบียอย่างรวดเร็ว เขาทำประตูได้ 8 ประตูจาก 37 นัดนับตั้งแต่เติดทีมชาติครั้งแรกเมื่อปี 2018
อย่างไรก็ตาม ดิอาซจะไม่สามารถโชว์ลีลาของเขาในกาตาร์ได้ เนื่องจากโคลอมเบียล้มเหลวในการผ่านเข้ารอบ หลังจากจบอันดับที่ 6 ของโซน
“ตั้งแต่ผมยังเด็ก ผมใฝ่ฝันที่จะสวมเสื้อตัวนี้และสวมมันด้วยความภาคภูมิใจในฟุตบอลโลก มันเจ็บปวดเหลือเกินที่ทำไม่สำเร็จ ผมยัอยากต่อสู้เพื่อความฝันนี้ต่อ ผมยอมที่จะทิ้งทุกอย่างเพื่อบรรลุเป้าหมายนั้น เราจะได้แก้แค้น” ดิอาซ กล่าวหลังชวดบอลโลก
9. มาร์โก แวร์รัตติ - อิตาลี
มาร์โก แวร์รัตติได้รับการยกย่องให้เป็นหนึ่งในมิดฟิลด์ที่ดีที่สุดในโลก นับตั้งแต่เขาย้ายไป เปแอสเช และได้รับการเสนอชื่อให้เป็นนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมของลีกเอิงตั้งแต่ปีแรก
แวร์รัตติ ติดทีมชาติครั้งแรกเมื่ออายุ 20 ปี แต่อาการบาดเจ็บและผลงานที่ย่ำแย่ของอิตาลี ทำให้เขาหมดโอกาสลงแข่งขันทั้งในฟุตบอลโลก 2014 และยูโร 2016
แวร์รัตติ เป็นฟันเฟืองหลักในตำแหน่งกองกลางของกุนซือ โรแบร์โต้ มันชินี่ สำหรับการคว้าแชมป์ของอิตาลีในยูโร 2020 อย่างไรก็ตาม ความพ่ายแพ้แบบสุดช็อกของอิตาลีด้วยน้ำมือของมาซิโดเนียเหนือ ทำให้ ฟุตบอลโลก 2022 แวร์รัตติและเพื่อนร่วมทีมต้องเป็นเพียงแค่ผู้ชมเท่านั้น
10. วิกเตอร์ โอซิมเฮน - ไนจีเรีย
วิคเตอร์ โอซิมเฮน กองหน้าดาวรุ่งจากไนจีเรีย เจ้าของรางวัลรองเท้าทองคำในฟุตบอลโลกรุ่นอายุไม่เกิน 17 ปี เมื่อปี 2015 และเป็นดาวยิงตัวความหวังของนาโปลีในเซเรีย อา ในปัจจุบัน
นักเตะวัย 23 ปี สร้างชื่อเสียงให้ตัวเองอย่างรวดเร็วในฟุตบอลอิตาลี โดยทำได้ 30 ประตูจาก 68 นัดให้กับสโมสรตั้งแต่ปี 2020 ส่วนในนามทีมชาติชุดใหญ่ โอซิมเฮนยิงไปแล้ว 15 ประตูจากการลงเล่น 22 นัด
ความล้มเหลวของไนจีเรียในการผ่านเข้ารอบสำหรับฟุตบอลโลกปี 2022 จะปฏิเสธโอกาสที่โอซิมเฮนจะแสดงความสามารถของเขาในงานฟุตบอลที่ยิ่งใหญ่ที่สุด อย่างไรก็ตาม ด้วยอายุที่มากขึ้น กองหน้าดาวรุ่งรายนี้จะมีโอกาสได้เล่นในฟุตบอลโลกอีกครั้งหากทีมของเขาผ่านเข้ารอบ