ส่วนเรื่องของการปรับระบบการแข่งขันใหม่ เป็นแบบไม่มีเจ้าภาพ แล้วแบ่งการแข่งขันเป็น เหย้า 2 นัด เยือน 2 นัด นั้น ทีมชาติไทยซึ่งเป็นทีมวางของกลุ่ม จะต้องเป็นฝ่ายบุกไปเยือน 2 ทีมที่แรงกิ้งต่ำที่สุด ส่วนอีก 2 ทีมที่เหลือ ไทยก็จะได้เล่นในบ้าน ซึ่งการจัดแบบนี้ จะทำให้ทีมเล็กๆ มีโอกาสมากขึ้นในการเจอกับทีมใหญ่
สำหรับรายชื่อนักเตะในศึกอาเซียน ครั้งนี้จะสามารถส่งรายชื่อนักเตะได้ทั้งหมด 45 คน ซึ่งจะใช้ตลอดทั้งทัวร์นาเมนต์ เพียงแต่ว่าก่อนจะแข่งขันแต่ละนัด จะต้องตัดให้เหลือ 23 คนในแต่ละนัด สามารถสับเปลี่ยนนักเตะในแต่ละนัดได้ตลอดเพียงแต่จะต้องอยู่ในลิสต์ 45 คนเท่านั้น
"การทำเช่นนี้นับว่าเป็นเรื่องดีสำหรับทีมที่จะต้องแข่งขันเอเชี่ยนคัพต่อไป เพราะว่าจะมีโอกาสได้ทดสอบผู้เล่นหลากหลายก่อนเข้าสู่ทัวร์นาเมนต์ใหญ่ สำหรับทีมชาติไทยนั้น มิโลวาน ราเยวัช หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย ก็จะมีโอกาสเลือกผู้เล่นเข้ามาเป็นจำนวนมาก อย่างบางเกมที่เจอกับคู่แข่งที่ไม่หนัก ก็อาจจะมีการทดสอบผู้เล่นไปได้ด้วย อย่างไรก็ตามเมื่อถึงช่วงใกล้การแข่งขัน ราเยวัช ก็คงมีผู้เล่นตัวหลักอยู่ในใจอยู่แล้วเช่นกัน"
ในขณะที่ การจับสลากแบ่งสายการแข่งขัน "เอเชี่ยน คัพ 2019" จะมีขึ้นในวันที่ 4 พฤษภาคม ที่ยูเออี โดยตอนนี้อันดับโลกของทีมชาติไทยนั้น น่าจะได้อยู่ในโถ 3 โดยจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการหลังจากประกาศอันดับโลกในเดือนเมษายน ทำให้การแข่งขันฟุตบอลชิงถ้วยพระราชทาน "คิงส์คัพ" ครั้งที่ 46 จะเป็นรายการสุดท้ายที่ไทยจะมีโอกาสพัฒนาอันดับโลกของตัวเอง อย่างไรก็ตามจากผลงานในช่วงหลายปีหลังก็เป็นเรื่องยากที่จะขยับจากโถ 3 ขึ้นไปได้ค่อนข้างยาก
"ถึงทีมชาติไทยจะอยู่ในโถ 3 แต่ว่าเอเชี่ยนคัพครั้งนี้ จาก 24 ทีมในรอบแรก จะมีทีมเข้ารอบถึง 16 ทีมด้วยกัน ซึ่งแบ่งเป็นแชมป์กับรองแชมป์กลุ่ม 6 กลุ่ม และอันดับ 3 ที่ดีที่สุดอีก 4 ทีม ดังนั้นไทยอยู่ในโถ 3 ก็ยังถือว่ามีโอกาสเข้ารอบได้สูง ดังนั้นการที่สมาคมฯ ตั้งเป้าหมายว่า ราเยวัชจะต้องผ่านเข้ารอบสองเป็นอย่างน้อย จึงไม่ใช่เป้าหมายที่สูงหรือว่ากดดันเกินไป"