
การแก้จมูก นั้นเป็นวิธีการเสริมความงามที่หลายคนไม่อยากเผชิญ แต่ถ้าเกิดเสริมจมูกมาแล้วสวยไม่ตรงใจ หรือเกิดปัญหา เช่น จมูกทะลุ จมูกอักเสบในภายหลัง หรือแม้แต่เสริมจมูกมาแล้วได้ทรงที่ไม่สวยถูกใจก็ต้องมาเสียเวลาเสียเงิน และเจ็บตัวแก้จมูกอีกครั้งอย่างแน่นอน และเพื่อให้การแก้จมูกในครั้งนี้ของคุณเป็นไปอย่างปลอดภัยและสามารถแก้ปัญหาได้ตรงจุดมากที่สุดนั้น เราก็ได้รวบรวมเอาข้อควรรู้เกี่ยวกับการแก้จมูกมาฝากทุกคนกัน
สำหรับอาการที่ทำให้หลายคนต้องตัดสินใจแก้จมูก หรือเสริมจมูกใหม่อีกครั้งนั้น มีหลากหลายสาเหตุ แต่ที่พบบ่อยๆ มีดังนี้
1. เคยร้อยไหมจมูก หรือฉีดสารเหลว ฉีดฟิลเลอร์ปลอมที่จมูก
ผู้ที่เคยร้อยไหมจมูก หรือหลงผิดไปฉีดสารเหลวฟิลเลอร์ปลอมเข้าจมูกนั้นมีความเสี่ยงที่จะทำให้บริเวณจมูกเกิดพังผืด หรือมีสัมผัสผิวที่ไม่เรียบเนียนเป็นก้อนตะปุ่มตะป่ำบนจมูกได้ จำเป็นต้องได้รับการแก้ไขโดยด่วน เพราะอาจเกิดอาการอักเสบ หรือติดเชื้อร่วมด้วยได้
2. ปลายจมูกแดง บางใส อักเสบ
หากเคยเสริมจมูกมาแล้วซิลิโคนที่ใส่มาไม่พอดีกับโครงสร้างจมูก เช่น มีความยาวเกินไป โด่งเกิน และยิ่งเป็นผู้ที่มีเนื้อจมูกน้อย ก็จะทำให้ปลายจมูกบางลง และมีลักษณะบางใส หรือแดงได้ บางรายอาจมีอาการอักเสบ หรือสัมผัสแล้วมีอาการเจ็บจี๊ด ๆ รวมถึงมีน้ำเหลือง เลือดไหลออกมา
อาการซิลิโคนจมูกทะลุนับเป็นปัญหาต้น ๆ สำหรับคนที่ต้องการแก้จมูก ซึ่งจะมีอาการเบื้องต้นคือปลายจมูกบาง และมองเห็นแท่งซิลิโคนสีขาวใต้ผิวหนังชัดเจน หรืออาจรุนแรงจนถึงขั้นทะลุออกมาบริเวณระหว่างคิ้ว หรือปลายจมูกก็ได้ หากมีอาการนี้ควรเลี่ยงการสัมผัส และพบแพทย์โดยด่วนเพื่อเลี่ยงอาการติดเชื้อ
4. ซิลิโคนลอยเห็นชัด
ถ้าสังเกตว่าขอบซิลิโคนจมูกขยับไปมา เวลาจับบริเวณปลายจมูกแล้วนั้น นั่นเป็นสัญญาณบอกว่าซิลิโคนลอย วางไม่แนบติดกับจมูก ซึ่งเกิดจากการวางซิลิโคนในตำแหน่งที่ผิด คือวางในผิวชั้นตื้น ไม่ได้วางไว้ใต้ชั้นผิวเยื่อหุ้มกระดูก ทำให้ซิลิโคนเคลื่อนตัวได้ง่ายกว่าปกติ
5. รูปทรงจมูกมีปัญหา
ในกรณีนี้อาจเกิดขึ้นได้ทั้งผู้ที่มีปัญหารูปทรงจมูกตั้งแต่กำเนิดและต้องการแก้โครงสร้างจมูกใหม่ทั้งหมด เช่น จมูกฮัมพ์สูง จมูกใหญ่ จมูกงุ้ม จมูกคด และผู้ที่รู้สึกว่ารูปทรงจมูกที่เคยเสริมมานั้นไม่สวยตรงใจ เช่น สันจมูกเป็นแท่งดูไม่ธรรมชาติ ปลายจมูกบานเชิด รูจมูกผิดรูป
การแก้จมูกนั้น หลัก ๆ แล้วแพทย์จะใช้การแก้จมูกด้วยเทคนิคโอเพ่น (Open Rhinoplasty / Open Reconstruction) ซึ่งเป็นเทคนิคที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในปัจจุบัน โดยมีลักษณะดังนี้
การแก้จมูกแบบเปิด หรือเสริมจมูกแบบโอเพ่น (Open Rhinoplasty)
การแก้จมูกแบบเปิด หรือที่หลายคนเรียกว่าแบบโอเพ่นนั้น จะเป็นวิธีการแก้จมูกที่ตอบโจทย์ผู้ที่มีปัญหาด้านโครงสร้างภายในจมูกโดยเฉพาะ เพราะจะเป็นเทคนิคที่แพทย์จะมองเห็นโครงสร้างจมูกของคนไข้ได้ชัดเจนและสามารถแก้ไขปัญหาได้อย่างตรงจุดมากที่สุด รวมถึงสามารถแก้จมูกร่วมกับเทคนิคอื่นๆ ได้อย่างหลากหลาย เช่น การตอกฐาน ลดขนาดปลายจมูก ยืดผนังกั้นจมูก เทคนิคนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาด้านโครงสร้างจมูก เช่น สันจมูกคด ปลายจมูกงุ้ม ผนังกั้นจมูกคด เป็นต้น เรียกได้ว่าสามารถแก้จมูกได้แบบเต็มที่เลยทีเดียว
การแก้จมูกแบบกึ่งเปิด (Semi-Open Rhinoplasty)
เป็นเทคนิคที่ผสมผสานระหว่างเทคนิคโอเพ่นและเทคนิคปิด โดยแพทย์จะทำการกรีดแผลบริเวณโคนจมูกด้านในเพียงเล็กน้อยเพื่อเปิดให้เห็นโครงสร้างจมูกบางส่วน จากนั้นจึงทำการแก้ไขโครงสร้างจมูกตามความต้องการ เทคนิคนี้เหมาะสำหรับผู้ที่มีปัญหาจมูกสั้นและมีปัญหาด้านโครงสร้างจมูกเล็กน้อย
การเลือกเทคนิคแก้จมูกที่เหมาะสมนั้น ขึ้นอยู่กับปัญหาจมูกและความต้องการของคนไข้ คนไข้ควรปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญ เพื่อรับคำแนะนำและวางแผนการผ่าตัดที่เหมาะสม
ระยะเวลาพักฟื้นอาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล แต่โดยปกติแล้วการแก้จมูกเทคนิคโอเพ่น หรือแบบเปิดนั้นจะมีระยะเวลาพักฟื้นประมาณ 1 เดือน ทั้งนี้จะมีอาการบวมมาก ๆ ในช่วง 3-7 วันแรก หลังจากนั้น 1 เดือนจะค่อย ๆ ยุบลง และเข้าที่ประมาณ 3-6 เดือนหลังแก้จมูก
ข้อปฏิบัติตัวก่อนแก้จมูก
วิธีดูแลตัวเองหลังแก้จมูก
เชื่อว่าหลายคนที่ต้องการแก้จมูกนั้นน่าจะทำการบ้านมาอย่างหนักว่าควรเลือกแก้จมูกที่ไหนดี เพราะไม่อยากจะเสียเวลา เสียเงิน หรือเจ็บตัวไปกับการแก้จมูกซ้ำอีกหลาย ๆ ครั้งอย่างแน่นอน ฉะนั้นเราจึงขอแนะนำว่าให้ศึกษาข้อมูลรายละเอียดต่าง ๆ อย่างละเอียดก่อนตัดสินใจแก้จมูก ดังนี้
ถ้าถามว่าจะเลือกแก้จมูกที่ไหนดีนั้นเราก็ขอแนะนำว่าอันดับแรกให้พยายามศึกษาความน่าเชื่อถือของสถานที่แก้จมูกนั้น ๆ ก่อน ไม่ว่าจะเป็นในรูปแบบของคลินิกเสริมความงามก็ดี หรือโรงพยาบาลศัลยกรรมก็ดี ว่ามีความปลอดภัย ห้องผ่าตัดสะอาดได้มาตรฐาน และได้รับการรับรองจากกระทรวงสาธารณสุขอย่างถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่
เกินกว่าครึ่งของคนที่อยากแก้จมูกนั้นมีสาเหตุมาจากไม่พึงพอใจในรูปจมูกของตัวเองที่เสริมมา เนื่องจากแพทย์ที่ทำการศัลยกรรมเสริมจมูกในครั้งแรกนั้นอาจมีความเชี่ยวชาญไม่มากพอ ขาดการแนะนำและให้ข้อมูลที่ละเอียดไม่ตรงจุดกับปัญหาที่คนไข้กำลังเผชิญอยู่ หรืออาจมีการวางแผนการรักษาที่ไม่ครอบคลุมมากพอ ทำให้ผลลัพธ์ที่ออกมาไม่ตรงใจคนไข้เท่าที่ควร ฉะนั้นก่อนตัดสินใจเลือกแก้จมูกที่ไหนดีนั้นจำเป็นต้องเลือกแก้จมูกกับแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโดยเฉพาะ และต้องเป็นแพทย์จริงที่ได้รับการรับรองจากแพทยสภา
เพื่อการตัดสินใจแก้จมูกที่ไหนดีเป็นไปอย่างมั่นใจที่สุดนั้นภาพรีวิวแก้จมูกจากคนไข้จริงจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมาก ยิ่งมีรีวิวมากเท่าไหร่ ความน่าเชื่อถือของคลินิก หรือโรงพยาบาลนั้น ๆ ก็ยิ่งมากเท่านั้น และเราก็จะได้รู้ด้วยว่าเคสรีวิวเหล่านี้มีปัญหาใกล้เคียงกับเรามากน้อยแค่ไหน มีการใช้เทคนิคแก้จมูกอย่างไร ใช้วัสดุแบบไหน หรือมีผลลัพธ์ที่ออกมาแล้วเปลี่ยนแปลงหรือไม่ เป็นต้น
การเลือกคลินิก หรือโรงพยาบาลสำหรับแก้จมูกที่มี After Care ดูแลหลังแก้จมูก เช่น ยาทาน อุปกรณ์ทำแผล บริการทำแผล ตัดไหม การติดตามผล การบริการเสริมความงามอื่น ๆ ที่ช่วยลดอาการบวมช้ำ บาดเจ็บหลังแก้จมูก หรือแม้แต่การรับประกันหลังแก้จมูกนั้นเป็นสิ่งที่น่าสนใจไม่น้อยเมื่อต้องตัดสินใจแก้จมูกที่ไหนดี เพราะเป็นการแสดงถึงความรับผิดชอบของคลินิกนั้น ๆ และยังทำให้คุณรู้สึกอุ่นใจ ประทับใจในบริการทั้งก่อนและหลังแก้จมูกอีกด้วย
สำหรับใครที่กำลังเจอกับอาการไม่พึงประสงค์หลังจากเสริมจมูกครั้งแรกมาแล้ว หรือรู้สึกไม่พึงพอใจกับรูปทรงจมูกที่ทำมานั้น การแก้จมูกก็ถือเป็นทางเลือกที่ตอบโจทย์อย่างมาก แต่ด้วยการแก้จมูกนั้นเป็นวิธีการที่มีขั้นตอนค่อนข้างซับซ้อน ทั้งการเลาะพังผืดออก แก้ไขปัญหาเดิมที่มีอยู่ หรือทำการปรับโครงสร้างจมูกใหม่ทั้งหมด อาจทำให้เกิดความเสี่ยงตามมาได้ ฉะนั้นจึงจำเป็นต้องศึกษารายละเอียดให้ดีก่อนตัดสินใจ ไม่ว่าจะเป็นเทคนิค วัสดุอุปกรณ์ ห้องผ่าตัดที่คลินิก หรือโรงพยาบาลศัลยกรรมนั้น ๆ เลือกใช้ว่าได้มาตรฐานถูกต้องตามกฎหมายหรือไม่ มีรีวิวจากคนไข้ที่น่าเชื่อถือหรือไม่ รวมถึงความชำนาญการของแพทย์ผู้ทำการแก้จมูกว่ามีมากน้อยเพียงใด เท่านี้ก็จะได้จมูกแท่งใหม่ที่สวยตรงใจ แก้ไขปัญหาได้ตรงจุด และปลอดภัยในอนาคตอย่างแน่นอน