svasdssvasds
เนชั่นทีวี

Lifestyle

เรื่องที่จำเป็นต้องรู้ก่อนตัดสินใจศัลยกรรม “เสริมหน้าอก”

เรื่องที่จำเป็นต้องรู้ก่อนตัดสินใจศัลยกรรม “เสริมหน้าอก”

ทำนมราคาเท่าไหร่ ทำนมที่ไหนดี เสริมหน้าอกที่ไหนดี? สาวๆ ที่อยากเสริมหน้าอกเพื่อปรับไซซ์หน้าอกให้เข้ารูป ใส่เสื้อผ้าแล้วมั่นใจมากกว่าเดิม เพิ่มเสน่ห์เสริมบุคลิกภาพ หรือ เพิ่มความ Sexy ให้กับตัวเอง ถ้าหากยังไม่ได้ศึกษาข้อมูลให้ดียังไม่ควรที่จะตัดสินใจเสริมหน้าอก เพราะหลายๆ คนน่าจะเคยได้ยินข่าวทำหน้าอกแล้วติดเชื้อ หรือหน้าอกเน่าหลังจากทำหน้าอกกันมาบ้าง

โดยวันนี้จะพาทุกคนไปรู้จักกับการศัลยกรรมเสริมหน้าอก และ เรื่องที่สาวๆ จำเป็นต้องรู้ก่อนตัดสินใจศัลยกรรมเสริมหน้าอก พร้อมทั้งแนะนำวิธีดูแลตัวเองหลังจากศัลยกรรมเสริมหน้าอก ถ้าพร้อมแล้วไปดูพร้อมกันเลยดีกว่า

 

รูปแบบการทำนม

ในปัจจุบันเทคนิคการศัลยกรรมเสริมหน้าอกมีหลากหลายรูปแบบ โดยสามารถแบ่งออกเป็น 3 แบบใหญ่ๆ โดยมีรายละเอียด ดังนี้

เสริมหน้าอกด้วยซิลิโคน

การเสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนเป็นการใส่ถุงซิลิโคนเข้าไป ปัจจุบันมีซิลิโคนให้เลือกหลากหลายขนาด และหลากหลายทรง ข้อดีของการทำหน้าอกด้วยซิลิโคน คือ สามารถเลือกทรงหน้าอกที่ต้องการได้ ไม่ว่าจะเป็น ทรงกลม ทรงหยดน้ำ และสามารถเห็นผลลัพธ์ชัดเจนหลังทำได้ทันที เหมาะสำหรับสาวๆ ที่ต้องการเพิ่มไซซ์หน้าอกหลายไซซ์ในครั้งเดียว

ฉีดไขมันหน้าอก

หลายคนอาจจะยังไม่ทราบว่าจริงๆ แล้วเราสามารถทำนม หรือ เสริมหน้าอก ด้วยไขมันของตัวเองได้ ด้วยการฉีดไขมันหน้าอก ซึ่งแพทย์จะทำการดูดไขมันส่วนเกินออกมา แล้วนำมาเติมที่บริเวณหน้าอกตามขนาดที่ต้องการเพื่อปรับขนาดหน้าอกให้สวยเต็มคัพมากยิ่งขึ้น ข้อดีของการเสริมหน้าอกด้วยการฉีดไขมัน คือช่วยกำจัดไขมันส่วนเกิน และทำให้หน้าอกสวยและดูเป็นธรรมชาติสูง

เสริมหน้าอกไฮบริด

เทคนิคใหม่ล่าสุดของวงการเสริมหน้าอก ได้แก่ การทำนมแบบไฮบริด (Hybrid Breast Augmentation) เป็นการเติมซิลิโคนพร้อมทั้งฉีดไขมันเข้าไปที่บริเวณหน้าอก เพื่อปรับขนาดไซซ์ ซึ่งเทคนิคเสริมหน้าอกไฮบริดจะให้ผิวสัมผัสที่เนียนสวย เหมาะสำหรับสาวๆ ที่ต้องการเพิ่มขนาดหน้าอกหลายไซซ์ในทีเดียว และต้องการความเป็นธรรมชาติสูงมาก

ควรเสริมหน้าอกกี่ cc

 

อยากทำหน้าอก ควรทำขนาดเท่าไหร่ กี่ CC ดี ? สำหรับสาวๆ หรือ ผู้ที่ต้องการศัลยกรรมเสริมหน้าอก แต่ยังไม่มั่นใจว่าควรทำเท่าไหร่ดี แนะนำให้คำนึงถึงสรีระร่างกายตัวเองเป็นหลัก ซึ่งการเสริมหน้าอกไม่ใช่ว่าทำขนาดใหญ่แล้วจะดีเสมอไป เพราะถ้าหากเป็นคนตัวเล็กเนื้อน้อย แต่เลือกทำนมขนาดใหญ่ก็อาจจะทำให้ผลลัพธ์ที่ได้ดูไม่เป็นธรรมชาติ เห็นเป็นบล็อค และทำให้พบปัญหาอาการปวดหลังแล้วสุดท้ายก็ต้องมาแก้ใหม่อีกรอบ

ทั้งนี้ถ้าหากยังไม่มั่นใจเรื่องขนาดว่าควรเสริมหน้าอกขนาดเท่าไหร่ อาจจะลองไปปรึกษาแพทย์ หรือ คลินิกเสริมความงามที่น่าเชื่อถือและได้มาตรฐานดูก่อน แล้วจึงค่อยตัดสินใจอีกทีก็ได้เช่นเดียวกัน

ตำแหน่งแผลเสริมหน้าอก

สำหรับผู้ต้องการศัลยกรรมเสริมหน้าอก เพื่อปรับขนาดหน้าอกให้ดูเต็มคัพเข้ารูปมากขึ้น จะมีแผลอยู่ 3 ที่ ได้แก่

  • ใต้ราวนม เป็นตำแหน่งที่คนทำหน้าอกส่วนใหญ่นิยมมากที่สุด เพราะเจ็บน้อยที่สุดและใช้เวลาพักฟื้นไม่นาน สามารถมองเห็นแผลได้ยากเพราะอยู่ด้านใต้เต้านม
  • ใต้รักแร้ เป็นตำแหน่งที่ได้รับความนิยมไม่แพ้กัน เพราะทำนมที่ตำแหน่งใต้รักแร้มีปัญหาแผลเป็นคีลอยด์น้อยที่สุด แต่ตำแหน่งนี้จะเจ็บกว่าและดูแลรักษาแผลหลังผ่าตัดยากกว่าตำแหน่งอื่น ๆ
  • รอบปานนม เป็นตำแหน่งที่ไม่ค่อยนิยมมากนัก เพราะไม่สามารถใช้ซิลิโคนขนาดใหญ่ได้ จึงไม่เหมาะกับผู้ที่ต้องการปรับไซซ์หน้าอกหลายไซซ์ แต่บริเวณรอบปานนมจะมีแผลขนาดเล็กมากเท่ากับหัวปากกาเท่านั้น

คีลอยด์คือ

คีลอยด์ คือ แผลเป็นชนิดหนึ่ง โดยที่มีลักษณะเป็นแผลนูนทั้งขนาดเล็กและขนาดใหญ่ บางคนอาจจะรู้สึกคันรอบแผล หรือ รู้สึกเจ็บเล็ก แผลคีลอยด์มีทั้งสีแดง สีช้ำ และสีคล้ำ แต่ไม่ได้เป็นอันตรายร้ายแรงใดๆ ส่วนใหญ่มักจะเป็นแผลที่ส่งผลต่อความมั่นใจและสุขภาพจิตของคนไข้มากกว่า เพราะแผลอาจจะมีขนาดใหญ่ เห็นได้ชัด ทำให้ไม่มีความมั่นใจ ซึ่งในการศัลยกรรมเสริมหน้าอกมีโอกาสที่จะเกิดแผลเป็น หรือ แผลคีลอยด์ได้

 

ทั้งนี้โอกาสเกิดคีลอยด์จะขึ้นอยู่กับร่างกายและกรรมพันธุ์ของแต่ละคน บางคนอาจจะเกิด แต่บางคนอาจจะไม่เกิด ซึ่งแผลคีลอยด์ไม่ใช่แผลที่ส่งผลร้ายแรงต่อชีวิตและด้วยเทคโนโลยีสมัยนี้ที่เครื่องมีทางการแพทย์พัฒนามากกว่าในแต่สมัยก่อนทำให้สามารถรักษาแผลคีลอยด์ให้หายได้ จึงไม่จำเป็นกังวลมากนัก

ซิลิโคนเสริมหน้าอก

 

ซิลิโคนหน้าอก

ก่อนที่สาวๆ จะตัดสินใจเสริมหน้าอก จำเป็นต้องทราบข้อมูลเกี่ยวกับซิลิโคนที่ใช้ทำหน้าอกก่อน เพราะซิลิโคนเป็นสิ่งของที่จะต้องเข้ามาอยู่ในร่างกาย ซึ่งในปัจจุบันมีซิลิโคนหลายแบบ หลายทรง เพื่อให้เหมาะกับสรีระและความต้องการของคนไข้ พร้อมทั้งช่วยทำให้หน้าอกดูสวยเป็นธรรมชาติมากที่สุด

ซิลิโคนน้ำเกลือหรือซิลิโคนเจล

หลายคนอาจจะเคยได้ยินคำว่าซิลิโคนน้ำเกลือ และ ซิลิโคนเจล กันมาบ้าง แต่ยังไม่ทราบใช่ไหมว่าซิลิโคนทั้งสองชนิดนี้แตกต่างกันอย่างไร ? โดยซิลิโคนน้ำเกลือเป็นซิลิโคนที่ได้รับความนิยมเมื่อสมัยก่อน ข้างในซิลิโคนจะบรรจุไปด้วยน้ำเกลือ ข้อดีคือ เมื่อเกิดแตกจะไม่เป็นอันตรายต่อร่างกายเพราะร่างกายสามารถดูดซึมน้ำเกลือได้ตามธรรมชาติ

ส่วนซิลิโคนเจลเป็นซิลิโคนที่คนเสริมหน้าอกในปัจจุบันนิยมใช้กัน เพราะมีความเป็นธรรมชาติมากกว่า มีรูปทรง ขนาด และเนื้อผิวให้เลือกหลายแบบ นอกจากนี้ถุงซิลิโคนเจลยังทนทานมากๆ มีโอกาสที่จะแตกหรือชำรุดได้น้อยกว่าซิลิโคนน้ำเกลืออีกด้วย

ผิวซิลิโคนหน้าอก

ในปัจจุบันมีผิวซิลิโคนสำหรับเสริมหน้าอกอยู่ด้วยกันทั้งหมด 3 แบบ ได้แก่

  1. ซิลิโคนผิวเรียบ ซิลิโคนชนิดนี้จำเป็นต้องนวดบ่อยๆ เพื่อให้หน้าอกดูเป็นธรรมชาติมีความนิ่ม และลดการเกิดพังผืด
  2. ซิลิโคนผิวทราย ซิลิโคนชนิดนี้จะนิ่มมากกว่าซิลิโคนผิวเรียบ เพราะมีโอกาสเกิดพังผืดได้น้อยกว่า ไม่จำเป็นต้องนวดหน้าอกบ่อยๆ
  3. ซิลิโคนผิวกำมะหยี่ เป็นซิลิโคนแบบใหม่ล่าสุด ที่มีความนิ่มและเป็นธรรมชาติมากที่สุด และ โอกาสเกิดพังผืดน้อย

ทรงซิลิโคนหน้าอก

มีหลายคนเหมือนกันที่ถามว่าทำนมเลือกซิลิโคนทรงไหนดี ? สำหรับทรงซิลิโคนสำหรับเสริมหน้าอกมีด้วยกันทั้งหมด 2 ทรง ได้แก่ ซิลิโคนทรงกลม และ ซิลิโคนทรงหยดน้ำ

  • ซิลิโคนทรงกลม เหมาะสำหรับผู้ที่มีเนื้อหน้าอกเยอะ ฐานหน้าอกกว้าง โดยซิลิโคนทรงกลมสามารถใช้เพื่ออัพไซซ์หน้าอกขนาดใหญ่ได้ พร้อมทั้งช่วยแก้ปัญหาคนที่มีหน้าอกหย่อนคล้อย หรือคุณแม่หลังจากให้นมบุตร ทั้งนี้การใช้ซิลิโคนทรงกลมหากทำขนาดใหญ่มากเกินไปอาจจะทำให้ดูไม่เป็นธรรมชาติได้หากมีฐานอกเดิมอยู่น้อย
  • ซิลิโคนทรงหยดน้ำ หลายคนน่าจะชอบหน้าอกทรงหยดน้ำ หรือนมทรงหยดน้ำกัน เพราะให้ความรู้สึกที่เป็นธรรมชาติเหมือนของจริงมากที่สุด ทั้งนี้หลังจากทำหน้าอกแล้วจะคล้อยลงเหมือนทรงหน้าอกธรรมชาติทั่วไป
 

เทคนิคเสริมหน้าอก

เสริมหน้าอกด้วยซิลิโคนมีเทคนิคหลักๆ 3 เทคนิคด้วยกันคือ เสริมหน้าอกเหนือกล้ามเนื้อ ใต้กล้ามเนื้อ และแบบ dual plane

1. เสริมหน้าอกเหนือกล้ามเนื้อ

เทคนิคการเสริมหน้าอกเหนือกล้ามเนื้อ เป็นบริเวณที่ผ่าตัดง่าย บาดเจ็บน้อย ใช้เวลาพักฟื้นไม่นาน และผลข้างเคียงน้อย โดยเทคนิคนี้เหมาะสำหรับคนที่มีเนื้อหน้าอกเยอะ ทั้งนี้เทคนิคเสริมหน้าอกเหนือกล้ามเนื้อมีโอกาสที่จะเกิดพังผืดได้มากกว่าเทคนิคอื่น และไม่เหมาะสำหรับคนที่มีแพลนจะมีลูกเพราะซิลิโคนอาจจะส่งผลต่อคุณภาพน้ำนม

2. เสริมหน้าอกใต้กล้ามเนื้อ

เทคนิคการเสริมหน้าอกใต้กล้ามเนื้อ เป็นเทคนิคที่คนส่วนใหญ่นิยม เพราะเป็นเทคนิคที่ซิลิโคนจะคอยดันให้หน้าอกดูเด้งเต่งตึง ไม่หย่อนคล้อย และดูเป็นธรรมชาติ แม้ว่าเทคนิคทำหน้าอกใต้กล้ามเนื้อจะให้ผลลัพธ์ที่ดูเป็นธรรมชาติมากและโอกาสเกิดพังผืดได้น้อย แต่จะใช้เวลาพักฟื้นมากกว่าและรู้สึกเจ็บกว่า

3. เสริมหน้าอก Dual Plane

เทคนิคเสริมหน้าอก Dual Plane เป็นเทคนิคที่รวมเอาข้อดีของเทคนิคเสริมหน้าอกใต้กล้ามเนื้อ และเหนือกล้ามเนื้อมาไว้ด้วยกัน โดยซิลิโคนส่วนบนจะอยู่ใต้กล้ามเนื้อ แต่ซิลิโคนส่วนล่างจะอยู่เหนือกล้ามเนื้อทำให้หน้าอกดูเป็นธรรมชาติ และไม่เห็นขอบซิลิโคนบริเวณเนินหน้าอก ซึ่งทำให้เทคนิคทำนมแบบ Dual Plane เป็นที่นิยมในปัจจุบัน

 

การเตรียมตัวก่อนเสริมหน้าอก

สำหรับคนที่สนใจทำศัลยกรรมเสริมหน้าอก หรือ ทำนม แนะนำให้ทำตามคำแนะนำการเตรียมตัวก่อนเสริมหน้าอก ต่อไปนี้

  • งดยาบางชนิดและวิตามินต่างๆ ก่อนเสริมหน้าอก 1 สัปดาห์
  • งดแอลกอฮอล์และงดสูบบุหรี่ ก่อนเสริมหน้าอก 1 สัปดาห์
  • ออกกำลังกายเพื่อเสริมสร้างความแข็งแรงของกล้ามเนื้อก่อนเสริมหน้าอก 1 เดือน
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
  • งดอาหารและเครื่องดื่มก่อนผ่าตัด 8 ชั่วโมงก่อนทำหน้าอก
  • สวยใส่เสื้อสบายที่คล่องสบายตัว
  • งดแต่งหน้า ทาครีม และงดสวมเครื่องประทับทุกชนิดก่อนผ่าตัด
  • ตัดเล็บและล้างสีเล็บ 1 นิ้ว ก่อนผ่าตัดเสริมหน้าอก
 

วิธีเสริมหน้าอก

วิธีการเสริมหน้าอก ที่ช่วยให้หน้าอกสวย รูปร่างสมส่วนด้วย 5 ขั้นตอน ดังต่อไปนี้

  1. วิสัญญีแพทย์จะเป็นผู้วางยาสลบแก่ผู้เข้ารับการผ่าตัด
  2. ศัลยแพทย์ทำการเปิดแผลในตำแหน่งที่ได้มีการวางแผนการรักษาไว้
  3. จากนั้นทำการใส่ซิลิโคนเข้าไปยังตำแหน่งที่ได้มีการวางแผน การักษาไว้แล้ว และทำการเย็บปิดแผล
  4. ระยะเวลาในการผ่าตัดศัลยกรรมเสริมหน้าอก ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมง
  5. หลังจากผ่าตัดทำหน้าอกเสร็จเรียบร้อยแล้ว ใช้เวลาพักฟื้น 1-2 วัน
  6. แพทย์จะนัดตรวจและติดตามอาการหลังจากผ่าตัดทำนมไปแล้ว 7 วัน
  7. หลังจากผ่าตัดทำหน้าอกไป 7-14 วัน หน้าอกจะเริ่มเข้าที่
 

หลังเสริมหน้าอก ดูแลตนเองอย่างไร

 

ทําหน้าอกพักฟื้นกี่วัน

หลังจากผ่าตัดศัลยกรรมเสริมหน้าอก หรือ ทำหน้าอกเสร็จเรียบร้อยแล้ว ให้ผู้เข้ารับการผ่าตัดปฏิบัติตัวตามคำแนะนำ ต่อไปนี้

  • ในช่วงแรงหลังเสริมหน้าอกไม่ควรขยับตัวบ่อยๆ เพราะจะรู้สึกเจ็บมากได้
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
  • ห้ามนอนคว่ำหรือนอนตะแคง ท่าที่ดีที่สุดคือการนอนหงาย
  • งดอาบน้ำ ประมาณ 5-7 วัน ให้ทำความสะอาดร่างกายด้วยการเช็ดตัวแทน
  • หลังผ่าตัดทำนมต้องพันผ้าไว้ตลอดเวลาประมาณ 14 วัน
  • นวดหน้าอกตามที่แพทย์แนะนำ
  • หลีกเลี่ยงการใส่บราที่มีโครง
  • งดอาหารแสลง อาหารทะเล ของหมักดอง เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ และงดสูบบุหรี่ 1 เดือน
  • หลีกเลี่ยงการยกของหนัก และทานยาตามที่แพทย์สั่ง
  • หลังจากผ่าตัดเสริมหน้าอกงดมีเพศสัมพันธ์ และจับหน้าอก 7 วัน
  • เข้ามาติดตามอาการหลังผ่าตัดตามที่แพทย์นัดเป็นประจำ
 

สรุปเรื่องเสริมหน้าอก

ในปัจจุบันการศัลยกรรมเสริมหน้าอกมีความปลอดภัยมากขึ้น และ มีเทคนิคที่หลากหลายมากกว่าแต่ก่อน และยังมีทางเลือกอื่นๆ อย่างการฉีดไขมันเข้าร่างกายเพื่อเสริมหน้าอก ซึ่งทำให้ผู้ที่สนใจเสริมหน้าอกมีตัวเลือกที่ค่อนข้างหลากหลาย

สำหรับผู้ที่สนใจเสริมหน้าอก หรือ ทำนม แนะนำให้ลองปรึกษาแพทย์ที่มีความเชี่ยวชาญดูก่อนเพื่อที่จะได้ทราบว่าร่างกายของตัวเองเหมาะกับเทคนิคแบบใด และควรที่จะทำนมขนาดกี่ CC เพื่อให้ออกมาดูสวยเป็นธรรมชาติมากที่สุด และอย่าลืมที่จะคำนึงถึงมาตรฐานของคลินิกหรือโรงพยาบาลเพื่อความปลอดภัยด้วย 

 

ขอขอบคุณข้อมูลจาก Amara Clinic