svasdssvasds
เนชั่นทีวี

คอลัมนิสต์

"สภาสูง" ต่างขั้ว อภิปรายขวาง สรรหา "กกต." ระวังไทม์ไลน์ "เลือกตั้ง"สะดุด

นายกฯ"อนุทิน" จะประกาศยุบสภา ก่อนเงื่อนไขMOA หรือไม่ ต้องติดตามอย่างต่อเนื่อง ไม่แพ้การเคาะชื่อ "กกต." ในสภาสูง ท่ามกลาง การอภิปรายตรวจสอบอย่างดุเดือด ดีไม่ดี อาจทำ"เลือกตั้ง"สะดุด

ยามนี้ “สว.พันธุ์ใหม่-สว.สีขาว-สว.อิสระ”ที่ยืนตรงข้ามสว.เสียงข้างมากหรือที่เรียกกันว่า“สว.สีน้ำเงิน”นั้น โดยสว.สองกลุ่มนี้ มีจุดยืนแน่ชัดในการตรวจสอบทุกวาระที่ดูเอื้อให้ กับสว.สีน้ำเงิน กันไปจนสิ้นวาระการดำรงตำเเหน่ง

โดยเฉพาะวาระการลงมติเเต่งตั้งกรรมการไปดำรงตำเเหน่งในองค์กรอิสระตามรัฐธรรมนูญ ที่ผ่านการลงมติของคณะกรรมการสรรหาที่มีประธานศาลฎีกาเป็นประธาน เมื่อผ่านเข้าสู่สภาสูง มักเกิดวาทะเดือดเสมอ

ทั้ง การกล่าวหาว่าสว.เสียงข้างมาก มีข้อครหาในคดีฮั้วสว. ดังนั้นช่วงนี้สว.ทั้งหมดจึงไม่ควรลงมติ หรือ ชะลอการลงมติเลือกกรรมการในองค์กรอิสระต่างๆไปก่อนจนกว่าคดีฮั้วสว.จะคลี่คลาย

อย่างไรก็ดี  การยกเหตุผลตั้งป้อมค้านไปยันลูกบวช ดูจะต้องคำนึงถงข้อเท็จจริงที่จะตามมาด้วย  อย่าลืมว่า กฎหมายได้วางหลักห้วงเวลาการดำรงตำเเหน่งในองค์กรอิสระต่างๆในการไปทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญวางไว้

โดยบุคคลหลากวงการยื่นใบสมัครเเละผ่านการลงมติเสียงข้างมากจากคณะกรรมการสรรหาที่มีประธานศาลฎีกาเป็นประธานหากผ่านขั้นตอนนั้นมาถึงมือสว.เเล้ว สว.ก็จะส่งหน่วยงานต่างๆ 19 เเห่งเช็กประวัติอีกคราวเเละเปิดให้ประชาชนส่งข้อร้องเรียนเข้ามาพินิจก่อนจะชงให้ที่ประชุมสว.ลงมติเเละเสนอทูลเกล้าฯตามลำดับ

หากองค์กรอิสระบางหน่วยงาน  คณะกรรมการในองค์กรเหล่านั้นไม่ครบจำนวน/ไม่เกินกึ่งหนึ่งนั้นอาจจะปฏิบัติหน้าที่ต่อไปไม่ได้เเละผลเสียจะเกิดขึ้นกับสังคม ...

ช่วงที่ผ่านมาพบว่า“สว.บางคน” อาจใช้สิทธิทางกฎหมายอภิปรายเกินเลยข้อเท็จจริงจนบางฝ่ายได้รับผลกระทบชนิดเสียเครดิตแบบไม่มีโอกาสชี้แจง 

สัญลักษณ์ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง

ตัวอย่างล่าสุด  เมื่อวันที่  20ตุลาคม ที่ผ่านมา ที่ประชุมสว.ได้ประชุมลับก่อนลงมติลับ เเละให้ความเห็นชอบ "อนันต์  สุวรรณรัตน์ อดีตปลัดกระทรวงเกษตรฯ -ณรงค์  รักร้อย อดีตผู้ว่าฯอุทัยธานีเเละสมุทรสาคร" เป็นกกต.ใหม่เเทน "อิทธิพร  บุญประคอง" ประธานกกต.เเละ สันทัด  ศิริอนันต์ไพบูลย์ กกต.“ที่ครบวาระการดำรงตำเเหน่งเมื่อ11สิงหาคม 2568

โดยกกต.ใหม่สองท่าน รอการโปรดเกล้าฯก่อนเข้าปฏิบัติหน้าที่ในเวลาเจ็ดปีข้างหน้า เเละจะไปร่วมงานกับกกต.อีกสามคนในปัจจุบันบนภารกิจเตรียมการเลือกตั้ง “อบต.ที่ครบวาระสี่ปีในเดือนพ.ย.นี้ 5,300 แห่ง “ (คาดว่าเลือกตั้งอบต.11ม.ค.2569)บวกกับดูเเลการเลือกคั้ง”สส.ทั่วประเทศ 400 เขต" ในปี2569

กอปรกับวันที่ 4 ธันวาคมนี้ กกต.สองคนจะพ้นการทำหน้าที่ คือ "ฐิติเชฏฐ์ นุชนาฏ เเละ เลิศวิโรจน์ โกวัฒนะ" ที่ต้องมีการสรรหากกต. เพิ่มเพื่อทดเเทนสองเก้าอี้ในเวลาถัดไป

เมื่อพิจารณาจากไทม์ไลน์ "อนุทิน ชาญวีรกูล" นายกรัฐมนตรี วางไว้ว่าสี่เดือนยุบสภา( 31 ม.ค. 2569 ) เเต่ภาวะการเมืองตอนนี้ การยุบสภาอาจจะไวกว่านั้นได้เสมอ

แฟ้มภาพ  การประชุมวุฒิสภา

ถามว่าหากกกต.ไม่ครบองค์คณะ /เสียงไม่เกินกึ่งหนึ่งตามที่กฎหมายกำหนดนั้น "ใครจะบริหารจัดการการเลือกตั้งอบต....เเละวาระอื่นที่อาจเกิดขี้นพร้อมการหย่อนบัตรเลือกสส.(ประชามติเเก้รธน.-ยกเลิกMOU2543เเละ2544)?"

ดังนั้น  การขยับของสว.บางส่วนที่อ้างความไม่ชอบธรรมของ สว.สีน้ำเงิน (ในทัศนคติของตนเเละไม่มององค์รวมของสังคม ) รวมทั้งอภิปรายที่อาจขัดจริยธรรม หากมีนักร้องนำประเด็นนี้ ไปยื่นศาลรธน.ให้ตรวจสอบ   

อย่างที่กล่าวข้างต้น จากเหตุการณ์อภิปรายของนพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ สว.อภิปราย เมื่อวันที่ 20 ตุลาคมที่ผ่านมา อาจส่งผลให้วาระเลือกตั้งหลายระดับสะดุดตามมาด้วย 

สว.ท่านนี้อ้างถึงคดีฮั้วสว.ที่ยังคาราคาซังอยู่ เเละกกต. คือ กรรมการหลักชี้ขาดคดีนี้ โดยผู้ถูกกล่าวหาคือสว.สีน้ำเงินเเละคนในเครือข่ายพรรคภูมิใจไทยรวม 229 คนนั้น หากมีการเลือกกกต.ชุดนี้เข้าไป อาจเข้าข่ายต่างตอบเเทน

สว.คนนี้อภิปรายช่วงหนึ่งว่า “การลงคะแนนเลือกกรรมการองค์กรอิสระเป็นการประลองกำลังระหว่างขั้วอำนาจทางการเมือง ที่พยายามผลักดันคนของตนเองไปเป็น กกต.  สำหรับการลงคะแนนเลือก กกต. ผมไม่มั่นใจว่าจะได้กกต.ที่เป็นกลาง”

“การเลือกวันนี้มีข่าวรั่วว่าคนที่จะผ่าน คือ คนที่เคยเป็นผู้ว่าฯ คนที่จะไม่ผ่านคือคนที่เคยเป็นปลัดกระทรวง รู้สึกเอะใจหรือไม่ คนที่เป็นถึงระดับปลัดกระทรวง มีประสบการณ์มาก แต่กลับไม่ผ่าน เหตุผลง่ายๆ คือ สั่งไม่ได้"

"สำหรับข่าวรั่วออกมาไม่สบายใจ อีกคนเป็นอดีตผู้ว่าราชการจังหวัดจะได้รับเลือก เพราะสั่งได้ และเป็นเด็กในคาถา ขอเรียกร้องว่าอย่าให้การลงคะแนนเป็นไปตามข่าวลือ หากเป็นจริงต้องรับผิดชอบกันต่อไป อะไรก็ตามที่ว่า แน่ จัดการได้ บงการได้ สั่งการได้ หลายครั้งหงายท้องเป็นประวัติศาสตร์มาแล้ว" นพ.เปรมศักดิ์ กล่าว

หากพินิจตามที่สว.ท่านนี้  ระบุ อาจไม่เป็นธรรมกับบุคคลที่สาม/บุคคลภายนอกที่ถูกพาดพิงในการอภิปรายคราวนั้น(มีการถ่ายทอดสด)

จากข้อบังคับว่าด้วยประมวลจริยธรรมของสว.เเละกมธ. พศ. 2563 ข้อ16 ระบุว่า “ให้ข้อมูลข่าวสารตามข้อเท็จจริงเเก่ประชาขนหรือสื่อมวลชนอันอยู่ในความรับผิดชอบของตน ถูกต้องครบถ้วนเเละไม่บิดเบือน”

อีกทั้งยังมีข้อบังคับการประชุมสว.พศ.2562 มาใชับังคับเพื่อไม่ให้สว.อภิปรายนอกประเด็น/พาดพิงบุคคลอื่นโดยไม่จำเป็นเเละไม่สร้างความเสียหายเเก่บุคคลที่สาม

บวกกับรัฐธรรมนูญ มาตรา 124 วรรคสาม ยังกำหนดชัดเจนว่า หากการอภิปรายเป็นเหตุให้บุคคลอื่นที่ไม่ได้อยู่ในสภาได้รับความเสียหาย และบุคคลนั้นร้องขอมาให้ประธานสภาโฆษณาคำชี้แจงของบุคคลนั้นๆ ได้

และหากจะฟ้องร้องกัน ก็ยังฟ้องร้องได้ จึงหมายความว่า มาตรา 124 "ไม่ได้ห้าม" การอภิปรายที่มีเนื้อพาดพิงถึงบุคคลภายนอกสภาเเต่ยังบอกว่า การอภิปรายถึงบุคคลภายนอกนั้น "ทำได้" เพียงแต่ผู้อภิปรายและสภาเองจะต้องมี"ความรับผิดชอบตามมา" อย่างไรบ้าง...

สมมติว่า บางฝ่ายมีการร้องเรียนการขัดจริยธรรมเเละการฝ่าฝืนข้อบังคับการประชุมของสว.ของหมอเปรมในกรณีนี้นั้น เพราะหมอเปรมชี้ชัดในการอภิปรายคราวนี้ว่า "กกต.บางคนสั่งได้ บางคนสั่งไม่ได้นั้น" หมอเปรม ละเมิดสิทธิผู้ที่ได้รับการเสนอชื่อก่อนที่สว.จะลงมตินั้น หมอเปรมตรวจจสอบข้อเท็จจริง/มีหลักฐานยืนยันในสิ่งที่หมอเปรมระบุไว้หรือไม่....หากกล่าวอ้างลอยๆก็อาจรับผลกรรมไป

อย่าลืมว่า หมอเปรมเเละพวกยังไม่อธิบายความต่อสังคมว่า กรณีช่วงวันที่ 6 - 7 สิงหาคมที่ผ่านมา ว่าสว.บางคน อ้างว่าถูกกลุ่มสว.อิสระปลอมลายเซ็น-ขอถอนชื่อจากการลงชื่อสว.21คน ส่งผลให้การยื่นคำร้องส่งศาลรัฐธรรมนูญ ออกคำสั่งให้ 136 สว. หยุดปฏิบัติหน้าที่นั้นยุติไปนั้น เเท้จริงคืออะไร/ขัดจริยธรรม/ผิดกฎหมายอาญาหรือไม่

เกมนี้เเนะนำหมอเปรมว่าวันข้างหน้าเอาเเต่พอสมควรจะเหมาะสมกว่าเเละควรหาเวลามาชี้เเจงในเคสข้างต้นด้วยจะดีกว่าหายเข้ากลีบเมฆไปเเบบดื้อๆ