
24 ธันวาคม 2568 ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ประธานที่ปรึกษาพรรคกล้าธรรม ให้สัมภาษณ์กรณี นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ประกาศไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคกล้าธรรมว่า การที่มีผู้นำบางพรรค ประกาศไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคกล้าธรรม เป็นมารยาททางการเมืองที่ไม่ควรทำ ซึ่งหากตนจะถามว่า ตั้งแต่ปี 2562 ที่ตนมาดูแลประชาชนในฐานะ รมช.เกษตรฯ กับ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ที่ขณะนั้นเป็นเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ หลาย ๆ เรื่องพวกตนได้ทำ และเกิดประโยชน์
เช่น ปัญหาไข่ไก่ ในยุคของตนไข่ไก่ไม่เคยมีปัญหา และไม่ต้องชั่งกิโลขาย ไม่ต้องจ้างต่างชาติมาศึกษาการแก้ปัญหาไข่ไก่ด้วยการชั่งกิโล
และในยุคของตนนั้น ยังมีการยึดที่ดิน ส.ป.ก.จากนายทุน จากรัฐบาลในอดีตต้องเจ๊ง ยุบสภาหนี และตนต้องมาตามแก้ปัญหา และยุคใด ที่ทำให้ไทยเสียดินแดน ทำให้ประชาชนเดือดร้อน เพราะไปยินยอมรับคำพิพากษาศาลโลก และยุคใดที่โรงพัก กลายเป็นสุสาน ซึ่งผลงานชัดเจน เมื่อคราวจะเลือกตั้ง พูดจาหล่อ พูดจาเพราะ แต่มีผลงานใดที่ทำให้บ้านเมืองบ้าง ในฐานะผู้นำประเทศ
ดังนั้น ตนไม่ได้ต้องการมีวิวาทะ แต่การจะตัดสินใจร่วมจัดตั้งรัฐบาลกับใคร ยังไม่ใช่เวลา และต้องให้ประชาชนตัดสินใจว่า จะเลือกพรรคการเมืองใด เว้นแต่มี สส.ในมือเกิน 25 คน ค่อยมาพิจารณากัน และระหว่างนี้ จะต้องแข่งขันกันว่า จะเสนอนโยบายใด และที่ผ่านมามีผลงานใดบ้าง สร้างความเสียหายเป็นมรดกลูกหลาน ซึ่งตนจะไม่ทำอย่างนั้นแน่นอน พร้อมท้าด้วยว่า ในการดีเบตเมื่อวานนี้ (23 ธ.ค.) ระหว่างการดีเบตในคอมเมนท์ด่าใครมากกว่ากัน ระหว่างคนพูด กับตนเอง
ร.อ.ธรรมนัส ยังขอนักการเมืองอย่าทะเลาะกัน และปล่อยให้ประชาชนตัดสินใจว่า จะเลือกพรรคการเมืองใดเป็น สส. ซึ่งการที่มีอดีต สส.พรรคดังกล่าว มาร่วมงานกับพรรคกล้าธรรม เพราะอาจทำอะไรให้ประชาชน ไม่ใช่เป็นเพียงวาทะพูด แต่ไม่ทำ ซึ่งเป็นสิทธิของนักการเมืองในการสังกัดพรรค ไม่ใช่นำความแค้นในพรรคตนเอง มาถล่มพรรคการเมืองอื่น
ทุกครั้งที่มีการเปิดตัวไม่ร่วมรัฐบาลกับพรรคใด ท้ายที่สุด ก็ต้องลาออกครั้งแล้ว-ครั้งเล่า จากการเป็นผู้นำพรรคฯ ซึ่งเป็นบทเรียน
ส่วนที่มีผู้พยายามโจมตีตน ไปถ่ายภาพร่วมกับบุคคลต่าง ๆ นั้น ร.อ.ธรรมนัส ระบุว่า หากนำรูปมาเปิดเผย กลุ่มชนชั้นนำเกือบทั่วประเทศที่ร่วมถ่ายรูปด้วย รวมถึง สส. และข้าราชการ ซึ่งจะต้องแยกแยะสแกมเมอร์ และการพนันผิดกฎหมาย จะเหมารวมทุกอย่างไม่ได้ และการเล่นการเมือง ต้องรู้จักแยกแยะ น้อง ๆ หลายคนที่เล่นการเมือง ฟันน้ำนมยังไม่หลุดจากปาก อย่าอวดเก่งมาก เพราะชีวิตยังอีกไกล รักษาตัวเองดี ๆ บางคนปากกล้าพูดไปเรื่อย ตนก็แจ้งความไปเรื่อย ต่างกรรมต่างวาระ
ร.อ.ธรรมนัส ยังยืนยันว่า พรรคกล้าธรรม ทำมากกว่าพูด และตนเข้ามาเวทีการเมืองนั้น ตนไม่ใช่นักการเมืองอาชีพ แต่ยึดประชาชนเป็นที่ตั้ง โดยเฉพาะประชาชนฐานราก และเหตุที่ตนมีบทบาทในการจัดตั้งรัฐบาล ตั้งแต่พรรคพลังประชารัฐ เพื่อสร้างความสามัคคี เช่น สมัยพรรคพลังประชารัฐ ที่ตนใช้มอตโต้ก้าวข้ามความขัดแย้ง พร้อมตั้งข้อสังเกตกรณีที่นักการเมืองชอบสร้างประเด็นแตกแยกทางสังคม จนประชาชนสับสน และยังไม่ทันเริ่มการรับสมัคร สส.ก็เริ่มซัดกันนัวเนียแล้ว
ร.อ.ธรรมนัส ยังย้ำว่า พรรคกล้าธรรม ไม่แตะนโยบายการแก้ไขประมวลกฎหมายอาญามาตรา 112 และไม่ว่าเรื่องใดก็ตาม พรรคกล้าธรรม จะยึดประชาชนเป็นที่ตั้ง และอย่าตัดสินใจแทนประชาชน
ส่วนการประกาศของนายอภิสิทธิ์ จะกระทบต่อคะแนนนิยมของพรรคกล้าธรรมหรือไม่นั้น ร.อ.ธรรมนัส ระบุว่า ตนไม่อยากวิพากษ์วิจารณ์ เพราะไปกระทบกับพรรคการเมืองเก่า ของสมาชิกส่วนหนึ่ง ที่ย้ายมาร่วมงานกับพรรคกล้าธรรม ว่าพรรคดังกล่าว วิบัติอย่างไร เพราะเมื่อประกาศมาแล้ว แต่ถึงเวลาคณะกรรมการบริหารพรรค ไม่เห็นด้วย ตนต้องลาออกไป ทั้งที่เป็นสถาบันการเมืองของประเทศมาอย่างยาวนาน ซึ่งตนมาสร้างพรรคของตน ไม่ต้องใช้เวลานาน แต่ใหญ่โต เพราะพูดน้อย แต่ทำมาก ไม่ต้องพูดเอาหล่อเอาเพราะ พร้อมย้ำว่า คนเราอดีตไม่สามารถแก้ไขได้ แต่ต้องทำปัจจุบันให้ดี คนบางคนภาพหล่อ แต่อดีตก็ไม่ทำธรรมดาเช่นกัน
ส่วนที่พรรคประชาชน ก็ประกาศจะไม่ร่วมพรรคกล้าธรรม และจะไม่ยอมให้ ร.อ.ธรรมนัส ขานชื่อให้เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ร.อ.ธรรมนัส ระบุว่า ตนอย่างตนไม่เคยขานชื่อใครเป็นนายกรัฐมนตรี และมีความชัดเจน ไม่ต้องดัดจริต เน้นความชัดเจน ไม่สามารถบังคับได้ และที่ผ่านมา ผู้ที่พูดเช่นนี้ ก็เสร็จทุกราย และตนอยู่ในเวทีการเมือง ศัตรูหมู่มารที่เป็นศัตรูของตน จบไม่สวยสักราย เวรกรรมตามสนอง และตนเป็นคนสวดมนต์ทุกเช้า และก่อนนอน แผ่เมตตาถึงแต่ละคน
ส่วนการร่วมเวทีดีเบตนั้น ได้พูดคุยกับคนในรัฐบาลว่า เวทีต่าง ๆ ที่สร้างสรรค์ตนจะไป แต่ถ้ายุให้คนทะเลาะกัน ตนจะไม่ไป เพราะเป็นคนอุณหภูมิเดือดไว
ร.อ.ธรรมนัส ยังเปิดเผยอีกว่า เมื่อคืนนี้ (23 ธ.ค.) ได้คุยกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี หลังมีหลายพรรคการเมืองประกาศไม่ร่วมรัฐบาลพรรคภูมิใจไทย และกล้าธรรมจะทำอย่างไรนั้น ซึ่งนายอนุทิน ได้ตอบกลับมาว่า เราก็ต้องอยู่ด้วยกัน จะไปยากอะไร
ส่วนที่มีผู้เรียกพรรคกล้าธรรม เป็นพรรคเทานั้น ร.อ.ธรรมนัส ได้ย้อนถามว่า อะไรคือเทา และตนผ่านกระบวนการยุติธรรม และพิสูจน์ตัวเองมาทุกอย่าง แต่คนที่ขาว ๆ เบื้องหลังเทาทั้งนั้น เช่น พรรคที่โจมตีตน บัญชีรายชื่อมีใครขาวบ้าง บางคนดำด้วยซ้ำไปแถวนคร ทั้งน้ำมันเถื่อน ทั้งเกเร บ่อนการพนัน ซึ่งอย่าให้คนพูดมากกว่านี้ ตนไม่ได้ว่าใคร แต่ไปดูเมืองนครได้ เช่น ผู้การนคร แสดงให้เห็นถึงอะไร มีอดีตรัฐมนตรีนครเป็นใคร