svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

"พรรคชาติพัฒนา" มีมติไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งรอบนี้ เหตุเสียเปรียบหนัก

"พรรคชาติพัฒนา" มีมติไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งรอบนี้ “สุวัจน์” ชี้พรรคเล็กเสียเปรียบ การเมืองชิงกัน 3 พรรคใหญ่ ส่วนอดีต สส.ในสังกัด ให้พิจารณาเองจะไปลงพรรคไหน

18 ธันวาคม 2568 นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา แถลงผลการประชุมคณะกรรมการบริหารพรรค นัดพิเศษ ที่เกี่ยวกับการเลือกตั้งหลังจากมีการยุบสภา โดยได้ข้อสรุปว่า 
 

1.สถานการณ์การเมืองค่อนข้างจะมีความเข้มข้น ที่ผ่านมาตนอยู่กับการเมืองมาตั้งแต่ปี 2531 ประมาณ 37 ปีแล้ว ผ่านการเลือกตั้งมาหลายครั้ง ทุกครั้งเป็นการต่อสู้ของ 2 พรรคการเมืองใหญ่ แต่ครั้งนี้จะการเลือกตั้งมีการต่อสู้ระหว่าง 3 พรรค จึงประเมินกันว่า การต่อสู้จะดุเดือดเข้มข้น มีบ้านใหญ่ บ้านเล็ก มีการย้ายพรรคมากมาย ดังนั้นพรรคเล็กจะเสียเปรียบมากยิ่งขึ้น จากเดิมที่เสียเปรียบอยู่แล้ว
 

2.กติกาเลือกตั้งของรัฐธรรมนูญในระบบบัญชีรายชื่อ พรรคเล็กเสียเปรียบอยู่แล้ว แทบจะไม่ได้ สส.เลย เพราะฉะนั้นพื้นฐานของรัฐธรรมนูญ พรรคเล็กเสียเปรียบ 
 

นายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานที่ปรึกษาพรรคชาติพัฒนา

3.การยุบสภาค่อนข้างกะทันหัน จากสถานการณ์การเมืองที่เกิดขึ้น จึงมีเวลาจำกัด ซึ่งวันศุกร์หน้าก็สมัครรับเลือกตั้งแล้ว และยังต้องทำไพรมารี่โหวต ต้องมีขั้นตอนต่างๆ ตัวแทนประจำจังหวัดอีกหลายอย่าง ค่อนข้างเป็นสถานการณ์ที่ต้องทำงานแข่งกับเวลา 
 

4.วันนี้ประเทศชาติมีวิกฤตหลาย เรื่องเราต้องเผชิญกับปัญหารอบประเทศ คือปัญหาของโลกที่มีความผันผวนทางเศรษฐกิจ เทคโนโลยี สงครามการค้า และสงครามจริงๆ ปัญหาภาษีสหรัฐฯ สิ่งต่างๆที่ล้อมรอบตัวเราเป็นวิกฤตที่ต้องแก้ไข แต่ภายในประเทศก็ยังมีวิกฤตเศรษฐกิจ วิกฤตการเมือง และปัญหาความมั่นคงทางชายแดน จึงมีความเห็นว่าการเลือกตั้งครั้งนี้เราต้องได้รัฐบาลที่มีเสถียรภาพ การเมืองที่มีคุณภาพ และเข้มแข็งเพียงพอที่จะสร้างความเชื่อมั่นที่มีต่อระบบการเมืองไทย ความเชื่อมั่นต่อรัฐบาลใหม่  
 

จึงสรุปได้ว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ มติของพรรคชาติพัฒนา จะไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้ง แต่พรรคยังอยู่ เพราะด้วยกฎหมายพรรคการเมือง เมื่อไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งอย่างน้อยติดต่อกันไม่เกิน 2 เทอม หรือ 8 ปี สภาพความเป็นพรรคการเมือง พรรคชาติพัฒนา ก็ยังอยู่ครบถ้วน
 

"พรรคชาติพัฒนา" มีมติไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งรอบนี้ เหตุเสียเปรียบหนัก

เมื่อถามว่า สส.เดิมจะทำอย่างไร นายสุวัจน์ กล่าวว่า เป็นดุลพินิจของอดีต สส. หรือผู้ที่ได้ทำงานทางการเมือง ซึ่งตลอดช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา อย่างเช่นที่โคราช และปราจีนบุรี
 

นายเทวัญ ลิปตพัลลภ หรือ  นายวัชรพล โตมรศักดิ์ หรือ นายวุฒิพงศ์ ทองเหลา ก็มีความพร้อมที่จะลงเลือกตั้ง แต่เมื่อพรรคมีมติแบบนี้ ก็เป็นพินิจของผู้สมัครที่ต้องไปตัดสินใจส่วนตัว
 

เมื่อถามว่า ส่วนตัวของนายสุวัจน์ จะไปทิศทางไหน นายสุวัจน์ กล่าวว่า ตนลงเลือกตั้งตั้งแต่ปี 2531 ถึง 2549  เป็น 20 แล้วที่ตนไม่ได้ลงเลือกตั้งและไม่รับตำแหน่งรัฐมนตรี เป็น สส. มา 6-7 สมัย เป็นรัฐมนตรีมา 12 สมัย ก็คิดว่าไม่ได้อยากลงสมัครรับเลือกตั้ง หรือรับตำแหน่งรัฐมนตรีอะไร ไม่จำเป็นก็ไม่อยาก อยากอยู่ในฐานะนักการเมืองที่มากสมัยและอาวุโส คอยเป็นกำลังใจให้น้องๆ หรือหากทำประโยชน์อะไรให้กับชาวโคราชได้ เพราะตนเกิดมาจากพรรคชาติพัฒนา
 

ก่อนพลเอก ชาติชาย ชุณหะวัน จะเสียชีวิต ได้สั่งไว้ว่าอยากให้ตนรักษาพรรคชาติพัฒนาไว้ เพราะฉะนั้นตนก็จะอยู่พรรคนี้ต่อไป ไม่ไปไหน ยังเป็นประธานพรรคชาติพัฒนา และยังต้องช่วยการเมืองท้องถิ่นที่โคราช ซึ่งเรามีทีมการเมืองท้องถิ่น ทีมโคราช มี ส.ท.  ส.จ.  ดังนั้นจึงมี 2 หน้าที่คือ 1.ดูแลพรรคชาติพัฒนา ตามคำสั่งของพลเอก ชาติชาย  2.ดูแลน้องๆ และเป็นกำลังใจให้เขา จะได้มีโอกาสกลับไปเป็นผู้แทนราษฎรอีก
 

เมื่อถามว่า เมื่อไม่ส่งผู้สมัคร แต่มีข่าวว่าจะไปลงสมัครในนามพรรคเพื่อไทย จริงหรือไม่ นายสุวัจน์ กล่าวว่า ก็ไม่ใช่มติพรรค จึงเป็นเรื่องส่วนตัวของอดีต สส. ที่จะไปตัดสินใจกัน เช่น นายประสาท ตันประเสริฐ หรือ กำนันอู๊ด ที่นครสวรรค์ ที่อยู่กันมา 30 ปี ได้ตัดสินใจลาออก เพราะพรรคเล็กเสียเปรียบมากๆ เมื่อตนถามว่าจะไปอยู่ที่ไหน เจ้าตัวบอกว่าจะไปอยู่พรรคภูมิใจไทย ก็จากกันด้วยความเข้าใจ  ส่วนบางคนเป็น สส.บัญชีรายชื่อ มาก่อน ก็ยืนยันว่าแม้พรรคไม่ส่ง ก็จะไม่ไปไหน ขอช่วยการเมืองท้องถิ่น เพราะฉะนั้น สส. ทุกคนมีดุลพินิจที่เป็นอิสระ
 

เมื่อถามว่า มีคำแนะนำหรือไม่ ว่าอดีต สส. ควรไปอยู่พรรคไหน นายสุวัจน์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจ แต่ไปอยู่ที่ไหนก็ขอให้ประสบความสำเร็จ
 

เมื่อถามว่า นายเทวัญ ซึ่งเป็นน้องชาย จะไปพรรคไหน นายเทวัญ กล่าวว่า พวกเราคงต้องพูดคุยกันในหมู่อดีต สส. โคราช และทีมงานทั้งหมด รวมถึงจังหวัดปราจีนบุรีด้วย เพราะเราทำงานในพื้นที่มาหลายปี ไม่ได้อยู่เฉย ถึงแม้จะไม่ได้เป็นผู้แทนราษฎร แต่ทำงานเต็มที่ เมื่อมติพรรคเป็นแบบนี้ก็ต้องหารือว่าจะไปทิศทางไหน แต่ที่แน่ๆ ที่ซาวด์เสียงดู ทุกคนก็ยังพร้อมที่จะลงสมัคร แต่คำตอบอยู่ที่ไหนขอหารือกันก่อน พร้อมยืนยันว่าจะไปแบบไม่แยกกัน และยังไม่มีพรรคไหนมาทาบทามเพราะมติพรรคเพิ่งออกวันนี้
 

เมื่อถามว่า ในฐานะที่มีความสัมพันธ์ทางการเมืองกับหลายพรรค จะไปพูดคุยกรุยทางให้กับน้องๆ หรือไม่ เพราะแต่ละพรรคโควตาเริ่มเต็ม ที่นั่งอาจไม่มีแล้ว นายสุวัจน์ กล่าวว่า ตนคิดว่าคนของตนมีคุณภาพ และทำพื้นที่มาตลอด ทั้งจังหวัดนครราชสีมาและปราจีนบุรี เพราะฉะนั้นตนมั่นใจในความรู้ ความสามารถ และการยอมรับในสิ่งที่เขาทำงานพื้นที่อยู่กับประชาชน มั่นใจว่าการตัดสินใจของเขาจะอยู่ในจุดที่ทำให้ได้กลับมาเป็นผู้แทนราษฎร ถือว่าเป็นสินค้าคุณภาพ เป็นคนดีมีความรู้ ความสามารถ เชื่อว่าเขาจะตัดสินใจได้ถูกต้อง
 

ส่วนประเมินกระแสในขณะนี้ พรรคไหนมีภาษีที่ดีกว่ากัน ระหว่างเพื่อไทยกับภูมิใจไทย นายสุวัจน์ กล่าวว่า
 

การเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นครั้งแรกที่หายใจรดต้นคอ ระหว่าง 3 พรรค ไม่ใช่ 2 พรรค เพราะฉะนั้นคงสูสีกันหมด คิดว่าทั้ง 3 พรรค คงอยู่ในระดับ 100 ที่นั่งเหมือนกันหมด เป็นการเมืองที่ต่อสู้รุนแรง เพราะเป็นการเมือง 3 ขั้ว ทุกคนต้องแย่งชัยชนะสู่การเป็นรัฐบาล ขนาดมี 2 ขั้ว ยังแข่งกันแทบเป็นแทบตาย แต่รอบนี้มี 3 ขั้ว ซึ่งการจัดรัฐบาลก็คงจะอยู่ในการบริหารจัดการของ 3 พรรคใหญ่นี้แน่นอน เป็นผู้คุมชะตาการจัดตั้งรัฐบาล เพื่อสร้างเสถียรภาพและมาแก้ปัญหาให้กับประชาชน
 

เมื่อถามว่า มั่นใจหรือไม่ว่า จะย้ายไปถูกพรรค เพราะอาจจะเป็นฝ่ายค้านก็ได้ นายสุวัจน์ กล่าวว่า จะเป็นฝ่ายค้านหรือรัฐบาล ก็เรื่องหนึ่ง แต่สำคัญที่สุดคือต้องเป็น สส. กลับมาให้ได้ ก็ยังเชื่อมั่นว่า การตัดสินใจของน้องๆ ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ น่าจะตัดสินใจได้ การเป็นรัฐบาลหรือฝ่ายค้าน เป็นจังหวะการเมืองที่ไม่สามารถควบคุมได้ 
 

"พรรคชาติพัฒนา" มีมติไม่ส่งผู้สมัครลงเลือกตั้งรอบนี้ เหตุเสียเปรียบหนัก