
จ่าเอกยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม นำทีมบุกตรวจโรงงานฆ่าและชำแหละสุกรของบริษัทอาหารรายใหญ่ ในอำเภอบ่อทอง จังหวัดชลบุรี หลังได้รับร้องเรียนต่อเนื่องจากประชาชนในพื้นที่ว่า ได้รับผลกระทบจากกลิ่นเหม็นรุนแรง และน้ำเสียคุกคามชุมชน ในครั้งนี้กระทรวงอุตสาหกรรม บูรณาการกำลังร่วมกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กรมปศุสัตว์ สำนักงานทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมจังหวัดชลบุรี ตำรวจภูธรบ่อทอง และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ลงพื้นที่ตรวจสอบอย่างละเอียด โดยเฉพาะระบบบำบัดน้ำเสียของโรงงาน ซึ่งถูกระบุว่า อาจเป็นต้นตอของกลิ่นและน้ำเสียที่ไหลกระทบชุมชน
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ระบุว่า จากการตรวจเบื้องต้น พบว่า โรงงานดังกล่าว มีปริมาณน้ำทิ้งสูงถึงราว 400 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน สูงกว่าที่ขออนุญาตไว้เพียง 250 ลูกบาศก์เมตรต่อวัน อีกทั้งยัง ไม่มีผู้ควบคุมระบบบำบัดมลพิษประจำโรงงาน และไม่พบข้อมูลรายงานน้ำเสียในระบบรายงานชนิดและปริมาณสารมลพิษที่ระบายออกจากโรงงาน (รว.) ของกรมโรงงานอุตสาหกรรม ซึ่งอาจเข้าข่ายฝ่าฝืนเงื่อนไขการอนุญาตตามคำสั่งตามมาตรา 37 แห่งพระราชบัญญัติโรงงาน พ.ศ. 2535 และที่แก้ไขเพิ่มเติม
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ยังเปิดเผยภายหลังตรวจสอบว่า แม้โรงงานดังกล่าว จะเป็นธุรกิจขนาดใหญ่ มีมูลค่ากิจการระดับหมื่นล้านบาท และมีบทบาทสำคัญในอุตสาหกรรมอาหารสัตว์ และเนื้อสุกรของประเทศ แต่จะต้อง "ไม่มีอิทธิพลใด ศักดิ์สิทธิ์เหนือกฎหมายได้"
“ต่อให้เป็นบริษัททุนใหญ่แค่ไหน ถ้าปล่อยน้ำเสียเกินกว่าที่กฎหมายอนุญาต หรือทำให้ประชาชนเดือดร้อน ก็ต้องถูกตรวจสอบ และชำระความเหมือนกันทั้งหมด กฎหมายไทยมีฉบับเดียว ไม่ได้เขียนให้คนตัวเล็กอีกแบบ คนตัวใหญ่ อีกแบบ” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าว
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ยังระบุด้วยว่า ขณะนี้บริษัทได้ยื่นขอขยายระยะเวลาปรับปรุงแก้ไขโรงงานต่อสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัดชลบุรี แต่จากข้อเท็จจริงที่ตรวจพบ จะถูกนำไปประกอบการพิจารณาสั่งการเพิ่มเติมอย่างเคร่งครัด พร้อมกำชับให้พนักงานเจ้าหน้าที่ของกรมโรงงานอุตสาหกรรม และสำนักงานอุตสาหกรรมจังหวัด ติดตามความคืบหน้าการปรับปรุงแบบ “เกาะติด” จนกว่าจะมั่นใจได้ว่า ระบบบำบัดน้ำเสียได้มาตรฐาน และผลกระทบต่อชุมชนลดลงอย่างเห็นได้ชัด
ในส่วนของมาตรการเฉพาะหน้านั้น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ได้สั่งการให้โรงงานหยุดเดินเครื่องบางส่วนที่เกี่ยวข้องกับการปล่อยน้ำเสีย พร้อมให้นำน้ำทิ้งจากบ่อบำบัด และจุดต้องสงสัยส่งตรวจทางเคมีอย่างละเอียด หากผลตรวจยืนยันว่าค่ามลพิษเกินมาตรฐาน หรือมีการระบายออกนอกแบบแปลนที่ขออนุญาต จะเดินหน้าดำเนินการตามกฎหมายอย่างถึงที่สุดร่วมกับ DSI และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง
รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ยังรับประกันว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ ไม่เพียงเป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้าเรื่องกลิ่นเหม็นและน้ำเสียของชาวบ้านในตำบลบ่อกวางทองเท่านั้น แต่เป็น สัญญาณชัดเจนจากกระทรวงอุตสาหกรรมว่า “ยุคอุตสาหกรรมพึ่งพาได้” คือ ยุคที่กฎหมายต้องคุ้มครองประชาชนเหนืออิทธิพลทุกรูปแบบ
“ผมย้ำเสมอว่า หน้าที่ของกระทรวงอุตสาหกรรม คือทำให้ประชาชนมั่นใจได้ว่าโรงงานอยู่กับชุมชนได้อย่างรับผิดชอบ ถ้าดีจริง เราพร้อมสนับสนุนเต็มที่ แต่ถ้าทำผิด ก็ไม่มีข้อยกเว้น ไม่ว่าทุนจะใหญ่ ใจจะโต หรือมูลค่ากิจการจะกี่หมื่นล้านก็ตาม” รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าว