svasdssvasds
เนชั่นทีวี

การเมือง

อ.สุวิทย์ เสนอ 6 ข้อ พลิกประเทศ ทิ้ง 'รัฐไร้สมรรถนะ' มุ่งสร้าง 'รัฐที่ดูแลประชาชนได้จริง'

อ.สุวิทย์ ชี้ ปัญหาไทย "ใหญ่กว่า" การเลือกตั้ง เสนอ 6 ข้อ "พรรคการเมืองใหม่" ตั้งเป้าเปลี่ยนประเทศจาก 'รัฐไร้สมรรถนะ' สู่ 'รัฐที่ดูแลประชาชนได้จริง' สร้าง "รัฐที่ทำงานเป็น" รับมือวิกฤตเศรษฐกิจและภัยพิบัติ

5 ธันวาคม 2568 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า ถ้าผมเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองวันนี้ ผมจะทำสิ่งนี้ทันที

ประเทศไทยกำลังเผชิญปัญหาที่ “ใหญ่กว่า” การเลือกตั้ง “หนักกว่า” การแก้รัฐธรรมนูญ และ “เร่งด่วนกว่า” เกมการเมืองทั้งปวง

และเหตุการณ์ น้ำท่วมหาดใหญ่ 2025 เพิ่งตอกย้ำว่า “ประเทศมีปัญหาโครงสร้าง ไม่ใช่ปัญหาฝนฟ้าอากาศ”

ถ้าผมเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองวันนี้ ผมจะไม่เริ่มต้นด้วยการคิดว่าจะได้ ส.ส.กี่คน หรือจับมือกับใครจัดตั้งรัฐบาล

แต่ผมจะเริ่มด้วยคำถามเดียว: พรรคของผม จะทำให้คนไทยไม่รู้สึกว่าประเทศนี้ ‘ล้มเหลวในการดูแลพวกเขา’ ได้อย่างไร?

อ.สุวิทย์ เสนอ 6 ข้อ พลิกประเทศ ทิ้ง 'รัฐไร้สมรรถนะ' มุ่งสร้าง 'รัฐที่ดูแลประชาชนได้จริง'

1) ผมจะประกาศทันที: ประเทศไทยต้องมี “รัฐที่ทำงานเป็น” ก่อนมี “การเมืองที่แข่งขันกัน”

น้ำท่วมหาดใหญ่ไม่ใช่ภัยธรรมชาติ แต่คือหลักฐานเชิงประจักษ์ว่า รัฐไทยไม่มีระบบ Early Warning, ไม่มี Command Center, ไม่มี Incident Manager, ไม่มีผู้รับผิดชอบจริง

คนไทยไม่ได้อยากได้ประชาธิปไตยที่สวยงามบนกระดาษ แต่ต้องการ รัฐที่ทำงานเป็น รัฐที่ปกป้องชีวิตเขาได้จริง

ผมจะประกาศนโยบายแรกของพรรคดังนี้:

  • ตั้ง National Incident & Emergency Authority (NIEA) ที่ไม่ขึ้นกับรัฐบาลไหน
  • ระบบเตือนภัยทันทีผ่านมือถือทุกเครื่อง (เหมือนญี่ปุ่น/เกาหลี)
  • Dashboard น้ำ-ฝน-แผ่นดินไหวแบบ real time เปิดสาธารณะ
  • ซ้อมแผนอพยพทุกปี ทุกจังหวัด

พูดง่าย ๆ คือ เปลี่ยนประเทศจาก “ปล่อยให้เกิดเหตุ” เป็น “พร้อมรับมือก่อนเกิดเหตุ” นี่คือของจริง ไม่ใช่คำสัญญาลอย ๆ

2) ผมจะบอกความจริงกับประชาชนเรื่องเศรษฐกิจไทย—แบบไม่อ้อมค้อม

ปัญหาของไทยไม่ใช่ GDP โตช้า แต่คือเรากำลังหลุดจากเกมโลกแบบถาวร เพราะ:

  • ประเทศเพื่อนบ้านแซงไทยด้านดึงดูดการลงทุน
  • SME ไทยแข่งขันไม่ได้ในยุคดิจิทัล
  • แรงงานไทยรายได้ต่ำเพราะทักษะต่ำ
  • เทคโนโลยี AI เปลี่ยนงานทั้งระบบ แต่ไทยยังไม่ได้สร้าง ecosystem รองรับ
  • รัฐไทยยังติด mindset “อนุญาตก่อน ขยับไม่ได้” จนธุรกิจใหม่เกิดไม่ได้

ถ้าผมเป็นหัวหน้าพรรค ผมจะประกาศว่า: เราต้องเปลี่ยนจากประเทศที่ “ขออนุญาตก่อนทำ” → เป็นประเทศที่ “ทำได้เลย ยกเว้นห้ามชัดเจน”

นโยบายชุดแรก:

  • ยกเครื่องกฎหมาย 100 ฉบับ ที่ขวางนวัตกรรม (Regulatory Sunset + Zero-Based Regulation)
  • AI National Upskilling Program อบรมแรงงาน–SME–นักเรียน 5 ล้านคน
  • Thailand AI Commons ให้ startup และ SME ใช้ compute/ข้อมูลฟรี
  • FTA ยุคใหม่ ที่ปกป้องผลประโยชน์ไทย ไม่ใช่เปิดเสรีแบบเสียเปรียบ

นี่คือทางรอด ไม่ใช่แผนพัฒนาประเทศบนสไลด์ PowerPoint

3) ผมจะพูดเรื่องภูมิรัฐศาสตร์แบบที่คนไทย “เข้าใจง่าย”

ไทยกำลังอยู่ตรงกลางระหว่างจีน–สหรัฐ  แต่ปัญหาคือ เราไม่มีวางตำแหน่งเชิงยุทธศาสตร์ ไม่มี grand strategy

ถ้าผมเป็นหัวหน้าพรรค ผมจะบอกตรง ๆ ว่า:

  • ประเทศไทยต้องเลือกหลักการ ไม่ใช่เลือกข้าง
  • เราต้องเป็นศูนย์กลาง ASEAN Collective Hedging ไม่ใช่ “ประเทศที่ใครผลักก็ล้ม”
  • เราต้องสร้างอุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ของตัวเอง เช่น อาหารแห่งอนาคต พลังงานสะอาด MedTech, AI for Climate, Defense Tech (ที่ไทยต้องเริ่มทำเองบ้างแล้ว)

นี่คือภูมิรัฐศาสตร์แบบ pragmatic—not romantic.

4) ผมจะประกาศว่า พรรคการเมืองต้องเป็นมากกว่าเครื่องจักรกลเลือกตั้ง

ปัญหาประเทศไม่ได้เกิดเพราะคนไทยทะเลาะกัน แต่เพราะ “รัฐไทยไม่พร้อมสำหรับศตวรรษใหม่”

ถ้าผมเป็นหัวหน้าพรรค ผมจะ:

  • ยกเครื่องพรรคให้เป็น Think–Do Tank ของประเทศ
  • ตั้ง War Room ความเสี่ยงประเทศไทย รายงานทุกเดือน
  • ชวน มหาวิทยาลัย–เอกชน-ชุมชน เป็นเครือข่ายนโยบาย
  • เปิดข้อมูลพรรคแบบ Fully Transparent: รายรับ–รายจ่าย–ผู้สนับสนุน
  • สร้างระบบ Political Talent Pipeline คนรุ่นใหม่–ผู้เชี่ยวชาญเข้าพรรคแบบมี Career Path

นี่คือการทำพรรคการเมืองแบบ “Statecraft Politics” ไม่ใช่ “Power Politics”

5) ผมจะบอกความจริงกับประชาชนเรื่องการเลือกตั้งและรัฐธรรมนูญ

คำถามว่า “ควรเลือกตั้งต้นปีหน้าไหม?” หรือ “แก้รัฐธรรมนูญตอบปัญหาไหม?”

เป็นคำถามที่ เล็กกว่าปัญหาประเทศจริง ๆ

  • เลือกตั้งได้ แต่รัฐไม่พร้อมรับภัยพิบัติ ประเทศก็ล่มได้
  • แก้รัฐธรรมนูญได้ แต่ถ้าเศรษฐกิจไทยยังไม่แข่งกับโลก ก็จนเหมือนเดิม
  • ได้รัฐบาลใหม่ แต่ไม่มีความสามารถบริหารวิกฤต ก็เหมือนเดิมทุกปี

ผมจะบอกประชาชนว่า: การเมืองไทยต้องเปลี่ยนคำถามจาก “เลือกตั้งเมื่อไหร่” ไปเป็น “รัฐไทยทำงานได้หรือยัง”

นี่คือ narrative ใหม่ที่ประเทศต้องการจริง ๆ

6) ผมจะประกาศสัญญา 1 ข้อกับประชาชน

หากผมเป็นหัวหน้าพรรค ผมจะสัญญากับประชาชนตรง ๆ ว่า— “พรรคของผมจะเป็นพรรคที่ทำให้ประเทศไทยพ้นจากยุค ‘รัฐไร้สมรรถนะ’ เข้าสู่ยุค ‘รัฐที่ดูแลประชาชนได้จริง’ ”

สัญญานี้ง่าย แต่ทรงพลัง เพราะนี่คือปัญหาที่คนไทยทุกกลุ่มรู้สึกจริง ๆ

บทสรุป: ประเทศไทยไม่ต้องการพรรคที่หาเสียงเก่ง แต่ต้องการพรรคที่บริหารประเทศได้จริง

ถ้าผมเป็นหัวหน้าพรรคการเมืองวันนี้—ผมจะทำสิ่งเหล่านี้ก่อนหาเสียง เพราะประเทศกำลังอยู่ในยุคที่ “การเมืองแบบเดิม” ไม่สามารถปกป้องประชาชนได้อีกต่อไป

ประเทศไทยกำลังต้องการผู้นำที่พูดประโยคนี้ได้อย่างมั่นใจ —“เราไม่ได้มาแข่งกับพรรคอื่น เรามาแข่งกับความท้าทายที่กำลังจะกลืนประเทศนี้ทั้งประเทศ”

ดร.สุวิทย์ เมษินทรีย์