"เหลิม" ยืนยันอำลา"พรรคเพื่อไทย" เตรียมเข้าสังกัด"พลังประชารัฐ"

1 ธันวาคม 2568  ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวเตรียมลาออกจากพรรคเพื่อไทยในวันที่ 3 ธ.ค.นี้ ว่า ข่าวดังกล่าวเป็นข่าวจริง ตนเซ็นลาออกจากพรรคเพื่อไทยแล้ว ความเป็นผู้แทนของตนก็ถือว่าสิ้นสุด ซึ่งตนจะให้คนไปยื่นลาออกที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ในวันที่ 3 ธ.ค.นี้

ส่วนสาเหตุที่ตัดสินใจลาออกก็อย่างที่รู้กันคือเรื่องการเมือง และไม่ได้แจ้ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และยังไม่ได้คุยกับนายวัน อยู่บำรุง บุตรชาย เพราะยังไม่ได้เจอกัน แต่ตนได้ตัดสินใจแล้ว 

 

เมื่อถามว่า หลังจากลาออกจากพรรคเพื่อไทยแล้วจะไปร่วมงานการเมืองกับพรรคการเมืองใดหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า จะไปอยู่กับ พรรคพลังประชารัฐ และหลังจากลาออกจากพรรคเพื่อไทย จะไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐในวันที่ 12 ธ.ค.นี้

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง เป็นนักการเมืองอาวุโส   เกิดเมื่อปี พ.ศ. 2490 มีชื่อเสียงในฐานะนักการเมืองฝีปากกล้า และอดีตตำรวจ เขามีประวัติการทำงานทั้งในวงการตำรวจและวงการเมือง โดยเริ่มเข้าสู่วงการการเมืองจากการเป็น ส.ส. สังกัดพรรคประชาธิปัตย์ในปี พ.ศ. 2526 ก่อนจะก่อตั้งพรรคมวลชนในปี พ.ศ. 2529 และดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีหลายสมัย เช่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 

 

อย่างไรก็ดี ในปี 2566  ชนวนร้าวในความสัมพันธ์ ระหว่าง ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง กับ ทักษิณ ชินวัตร  ปะทุขึ้น โดยมีกระแสข่าวลือสะพัดว่า นายทักษิณ ชินวัตร ได้กล่าวกับคนใกล้ชิดว่า ร.ต.อ.เฉลิม นั้น กวนโอ๊ย ทำให้ไม่มีตำแหน่งใดๆ ในรัฐบาล เมื่อ ร.ต.อ.เฉลิม รู้ ก็เกิดปรี๊ดแตกอย่างหนัก ประกาศตัดขาดนายทักษิณ ทันที ซึ่งกระแสข่าวนี้ในเวลาต่อมาทาง นายวัน อยู่บำรุง ลูกชายก็ออกมาไลฟ์สดชี้แจงว่าตนไม่ทราบถึงที่มาข่าวนี้พร้อมกับบอกว่าขอกลับไปถามพ่อก่อนว่าเรื่องจริงเป็นยังไง

ทั้งนี้เป็นที่แน่นอนว่าเมื่อข่าวออกไปชื่อของ ร.ต.อ.เฉลิม ได้กลับมาเป็นที่ความสนใจจากสังคมอีกครั้ง หลังจากเงียบหายไปนาน พร้อมกับการจับตาความสัมพันธ์ระหว่างตระกูลอยู่บำรุง กับ ตระกูลชินวัตร ว่าจะเดินร่วมทางกันต่อหรือจะโบกมือลา และในที่สุด การเลือกตั้ง 69 กำลังจะเกิดขึ้น  ทำให้ ร.ต.อ.เฉลิม ตัดสินใจ ลาออกจากพรรคเพื่อไทย โดยจะไปยื่นหนังสือลาออกต่อกกต.วันที่ 3 ธันวาคมนี้  และเตรียมสมัครเข้าไปเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ ในวันที่ 12 ธันวาคมนี้