รมช.อุตสาหกรรม เปิดแผนดันไทยสู่ฮับ Data Center อาเซียน

จ่าเอกยศสิงห์ เหลี่ยมเลิศ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เป็นประธานการประชุมแก้อุปสรรคการลงทุนอุตสาหกรรม (Data Center) ในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC ณ สำนักงานคณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (สกพอ.) อาคาร NT บางรัก กรุงเทพฯ พร้อมนายพีรวัส สมวงศ์ เลขานุการรัฐมนตรีฯ ผู้บริหารจาก กรมโรงงานอุตสาหกรรม สศอ. การนิคมฯ และ EEC เข้าร่วมหารือแน่นห้องประชุม

ที่ประชุมได้หารือทั้งภาพรวมการลงทุนอุตสาหกรรมเป้าหมายพิเศษด้านดิจิทัล สถานะโครงการ Data Center ใน EEC และ แผนผังการใช้ประโยชน์ที่ดิน–โครงสร้างพื้นฐานปี 2562 เพื่อดูว่า “ผังเมือง–สาธารณูปโภค” รองรับศูนย์ข้อมูลขนาดใหญ่ได้จริงเพียงใดอย่างละเอียด รวมถึงยังให้ความสำคัญกับ “น้ำและไฟฟ้าสะอาด” เพราะ Data Center ใช้น้ำและพลังงานไฟฟ้าปริมาณสูง 

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม เน้นย้ำว่า หากไทยต้องการเป็นผู้เล่นหลักของภูมิภาค ไม่ใช่แค่ต้องมีที่ดิน และสิทธิประโยชน์ แต่ต้องตอบโจทย์นักลงทุนระดับโลกเรื่องเสถียรภาพระบบไฟ และสัดส่วนพลังงานสะอาดควบคู่กันไป

ที่ประชุมยังวางกรอบการทำงานร่วมกัน ระหว่างหน่วยงานภาครัฐ เพื่อลดความซ้ำซ้อนของกฎ ระเบียบ และขั้นตอนอนุมัติให้ “ชัด เร็ว ตรวจสอบได้” เพื่อไม่ให้ไทยเสียโอกาสในสมรภูมิ Data Center ที่ประเทศเพื่อนบ้านกำลังเร่งเครื่องอย่างหนัก

 

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ยังเน้นย้ำว่า Data Center ไม่ใช่เรื่องไกลตัวของคนไทย ซึ่งการประชุมดังกล่าว ไม่ใช่เพียงการคุยเชิงเทคนิคของหน่วยงานรัฐและนักลงทุนเท่านั้น แต่ยังเป็น “สัญญาณถึงสังคมไทย” ว่า อุตสาหกรรม Data Center คือโครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล ที่รองรับชีวิตประจำวันของประชาชน ตั้งแต่การใช้โซเชียลมีเดีย ธนาคารออนไลน์ ไปจนถึงบริการภาครัฐ ดังนั้น การเตรียมความพร้อมด้านน้ำ พลังงาน และผังเมืองที่ดี จะสร้างงาน สร้างรายได้ และยกระดับขีดความสามารถของประเทศในโลกเทคโนโลยี หากคนไทยก้าวทัน และวางรากฐานวันนี้ได้แข็งแรง อีอีซี และประเทศไทยมีโอกาสก้าวขึ้นเป็น “ศูนย์กลางข้อมูลและดิจิทัล” ของภูมิภาคในอนาคต

 

รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ยังระบุว่า การลงทุนใน Data Center ไม่ใช่แค่เรื่องของ “เซิร์ฟเวอร์และอาคาร” แต่คือการลงทุนใน “อนาคตของเศรษฐกิจไทย” ที่ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งภาครัฐ เอกชน นักวิชาการ และประชาชน ในการสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่มั่นคง ยั่งยืน และทันโลกดิจิทัลที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว