
ผศ.ดร.วันวิชิต บุญโปร่ง อาจารย์ประจำภาควิชารัฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต กล่าวถึงเวทีการประชุมรัฐมนตรีอาเซียนด้านกฎหมาย (ASEAN Law Ministers Meeting: ALAWMM) ครั้งที่ 13 ณ กรุงมะนิลา สาธารณรัฐฟิลิปปินส์ เมื่อวันที่ 14 พฤศจิกายน ที่ผ่านมาว่า การประชุมครั้งนี้ นับว่าเป็นโอกาสของไทยในการแสดงบทบาทนำในเวทีอาเซียนเกี่ยวกับนโยบายการปราบปรามสแกมเมอร์ โดยตัวแทนรัฐบาลไทยคือ "พล.ต.ท.รุทธพล เนาวรัตน์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม" ได้เสนอประเด็นการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ ทั้งอาชญากรรมไซเบอร์ กลุ่มคอลเซ็นเตอร์มิจฉาชีพ การค้ามนุษย์ และยาเสพติด ให้เป็น “วาระสำคัญของอาเซียน”
นอกจากนี้ ยังลงนามสนธิสัญญาอาเซียนว่าด้วยการส่งผู้ร้ายข้ามแดน ร่วมกับผู้แทนรัฐบาลของประเทศสมาชิกอาเซียน 11 ประเทศ ซึ่งจะช่วยเสริมสร้างความเป็นเอกภาพของภูมิภาคอาเซียนในการร่วมมือต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติอย่างเช่นปัญหาสแกมเมอร์อีกด้วย
ผศ.ดร.วันวิชิต กล่าวอีกว่า ท่าทีของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรมถือว่าน่าจับตา เพราะความเป็นคนในเครื่องแบบตำรวจ ที่คลุกคลีพื้นที่อีสานใต้ ซึ่งติดชายกัมพูชา ย่อมเข้าใจปัญหาอย่างลึกซึ้ง
อย่างไรก็ตาม การที่รัฐบาลได้ประกาศสงครามกับสแกมเมอร์และยกระดับให้เป็นวาระแห่งชาติ ก็ต้องทำงานให้เห็นเป็นรูปธรรม เนื่องจากประชาชนคาดหวัง ทั้งนี้ ก่อนยุบสภาฯ หากแก้ปัญหาสแกมเมอร์ได้ จะมีผลในการสร้างความเชื่อมั่นซึ่งส่งผลต่อการเลือกตั้งด้วย แม้ พล.ต.ท.รุทธพล จะเป็นรัฐมนตรีคนนอก แต่โอกาสที่จะกลับมาก็มีถ้าประชาชนเรียกร้อง และจะลบข้อครหาเรื่องโควตาบ้านใหญ่ได้
“จากประสบการณ์ของ พล.ต.ท.รุทธพล ที่เป็นฝ่ายปฏิบัติมาก่อน รวมทั้งเคยเป็นสายสืบ ย่อมเข้าใจอาชญากรรมในพื้นที่ รวมถึงการที่ท่านเพิ่งพ้นจากการรับราชการมาไม่นาน น่าจะต่อยอดแบบไร้รอยต่อได้ ที่สำคัญกระทรวงยุติธรรมต้องไม่เกรงใจหน้าอินทร์หน้าพรหมถึงจะแก้ปัญหาสแกมเมอร์ได้สำเร็จ” ผศ.ดร.วันวิชิต กล่าว