
11 พฤศจิกายน 2568 นายเมธี อรุณ หรือ เมธี ลาบานูน อดีตผู้สมัคร สส.นราธิวาส พรรคประชาธิปัตย์ ให้สัมภาษณ์ กรณีเข้าพบ นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร และ พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง หัวหน้าพรรคประชาชาติ เมื่อวันที่ 10 พ.ย.ที่ผ่านมา ที่อาจจะย้ายไปอยู่กับพรรคประชาชาติ ว่า เมื่อ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ตนอยู่ต่างประเทศ และมี ร.ต.อ.พงศกร รวมทั้งนายเจะอามิง โตะตาหยง รองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ โทรศัพท์ มาพูดคุยว่า ยังสนใจการเมือง และการเมืองสมัยนี้เป็นอย่างไร
ซึ่งนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคฯ อยากพูดคุยด้วย ซึ่งตนบอกไปว่า เมื่อกลับประเทศแล้ว จะไปพบหัวหน้าพรรคฯ เพื่อแจ้งว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ ตนไม่ได้ลงสมัคร และบังเอิญนายวันมูหะมัดนอร์ และ พ.ต.อ.ทวี ก็บอกว่าขอคุยด้วย เราในฐานที่เป็นผู้ที่เคยเลือกตั้ง และอาจเป็นช่วงที่จะต้องหาผู้สมัคร ถ้าเป็นสโมสร ก็เป็นช่วงที่อาจจะต้องหานักเตะ ก็เป็นเรื่องปกติ
เมื่อพี่ทวี อยากเจอ เราในฐานะที่เป็นเด็ก เราก็ต้องไปเจอ และฟังว่าอย่างไร และได้บอกเจตนารมณ์ว่า การเลือกตั้งสมัยนี้ ผมอาจจะไม่ได้ลง เพราะต้องทำงานเยอะแยะไปหมด และในเมื่อพรรคใดพรรคหนึ่งเขาสนใจในตัวเรา ก็ต้องขอบคุณและหวังว่าโอกาสหน้าจะได้ร่วมงานกัน เพราะวันข้างหน้าไม่มีใครรู้ เราอาจจะได้ร่วมงานกัน ถ้าผมสนใจ ยิ่งพรรคประชาชาติ เป็นพรรคของคนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ผมในฐานะเป็นคนสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ก็ดีใจที่อย่างน้อยคนสามจังหวัด มีพรรคการเมืองที่เป็นพรรคของตัวเอง ถึงแม้จะเป็นพรรคเล็กๆ ซึ่งในวันนั้นไปคุยแค่นี้" นายเมธี กล่าว
ส่วนนายอภิสิทธิ์ ชวนให้ลงสมัคร สส.หรือไม่นั้น
นายเมธี กล่าวว่า ยังไม่ได้คุยกันเป็นเรื่องเป็นราว เมื่อวาน (10 พ.ย.) แค่ไปเจอ ซึ่งนายอภิสิทธิ์ ก็ถามว่า ยังสู้หรือไม่ และยังแซวว่า หัวใจนักสู้ขนาดแพ้ยังอยู่ในพรรคต่อ แต่ในเรื่องของลงสมัคร ตนก็ได้บอกเจตนาไปแล้วว่า คิวงานมันเยอะมาก ส่วนจะลง หรือไม่ลงในรอบหน้าค่อยมาว่ากัน
“ได้สัญญากับเพื่อน และรับปากว่า จะพาลาบานูนไปอีก 3-4 ปี ซึ่งยังสนุกกับการทำงาน จึงขอทำงานในวงการดนตรีก่อน ตอนนี้ผมรับงานเยอะ หากจะลงเลือกตั้งก็ต้องเคลียร์งาน ดูแล้ววุ่นวาย เพราะเขาจองคิวเรามา และกระทบไปหมด ไม่ใช่แค่ตัวผมคนเดียว กระทบต่อเพื่อนร่วมวง ทีมงาน และคนที่ทำงานร่วมกันอีกหลายชีวิต ซึ่งผมมองจุดนี้เป็นหลักก่อน ถ้าผมกระโดดไปการเมืองก็เกิดผลกระทบ ผมจึงบอกขอพักก่อน อย่างไรก็ตามตอนนี้ผมยังเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์อยู่ ไม่ไปไหน แต่เรื่องลงไม่ลงสมัคร เป็นเรื่องของอนาคต และต้องบอกว่าทางวงว่า สมัยหน้าผมจะกระโดดไปทำการเมือง ต้องคุยกับเพื่อให้เข้าใจก่อน และถ้าผมจะไปทีมงานผมต้องมีความมั่นคง ผมออกแล้วเขาต้องไม่ลำบาก ตราบใดที่เขายังลำบากก็ไม่ใช่ อันนี้คือตัวเลือกแรก” นายเมธี กล่าว